จับตา 19 หุ้นร้อน SET ซึมตัวตลาดต่างประเทศ

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังเคลื่อนไหวไซด์เวย์ในกรอบ และมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนรอดูผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดีเป็นหลัก และเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงกลุ่มที่ประกาศผลดำเนินงานออกมาดีเกินที่ตลาดคาดการณ์


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.30 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.55 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตังลงตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึง โกลด์แมน แซคส์, ไมโครซอฟท์, อีเบย์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เจเนอรัล อิเล็กทริค และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้ยังเคลื่อนไหวไซด์เวย์ในกรอบ และมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนรอดูผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ การลงทุนยังคงเน้นกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดีเป็นหลัก และเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว รวมถึงกลุ่มที่ประกาศผลดำเนินงานออกมาดีเกินที่ตลาดคาดการณ์

หุ้นเด่นเลือก BEAUTY, TMB, CPF, KTC, RCL, BCH, CHG, ASIAN, BPP, BR, ORI, EA, MTLS, IHL, SYNTEC, PT, MINT, ERW และ AOT

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (18 ก.ค.) คาดว่าจะซึมตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบราว 0.1% เนื่องจากนักลงทุนมีความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้นอันเป็นผลจากปัจจัยภายนอกประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น

ทั้งนี้มองว่าการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น และการประชุมถัดไปในช่วงเดือน ก.ย. มีแนวโน้มจะมีการปรับลดการดำเนินมาตการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งอาจส่งผลให้ Bond Yield โลกสูงขึ้นได้ และจะไปกดดันหุ้นโลก นอกจากนี้สหรัฐฯได้เลื่อนการพิจารณากฎหมายประกันสุขภาพออกไปอีก ทำให้เพิ่มความกังวลในความไม่แน่นอนในนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

ส่วนปัจจัยในประเทศก็รอดูการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/60 ของกลุ่มแบงก์ พร้อมให้แนวรับ 1,570 – 1,564 จุด ส่วนแนวต้าน 1,580 – 1,582 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ค.) ว่า SET มีแนวโน้มเคลื่อนไหว Sideways ต่อไป กรอบ 1,568/1,574 – 1,590 จุด ช่วงประกาศกำไร 2Q17 โดยนักลงทุนจะเน้นการเข้าซื้อเป็นรายตัวที่คาดการณ์กำไรออกมาดี และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลมากกว่า อย่างไรก็ตาม มองว่าเป็นโอกาส “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะ 3-6 เดือนข้างหน้าจาก 1) กำไร SET และเศรษฐกิจปี 2018 เร่งตัวขึ้น 2) Valuation Premium เทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคลดลง หลัง SET ปรับขึ้นแค่ 2% ตั้งแต่ต้นปี ต่ำที่สุดในภูมิภาค 3) PE 14 เท่า และ Earnings yield gap 4.6% ปี 2018 ถือว่าน่าสนใจลงทุนแล้ว

แนะนำ “ซื้อ” BEAUTY คาดกำไร 2Q17 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 218 ล้านบาท +57% y-y และ 9% q-q จาก SSSG ขยายตัวแกร่ง +15% y-y และเปิดสาขาต่อเนื่อง ขยายการขายไปยัง modern trade มากขึ้น และรายได้จากการส่งออก/ขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น มองกำไรทั้งปี +39% ปีนี้…และ “ซื้อ” KAMART ราคาหุ้นอ่อนตัวลง 10% จากจุดสูงสุดปลายเดือน พ.ค. แต่คาดการณ์กำไรยังเติบโตดี +28% ปีนี้ และแนะนำ “ซื้อ” TMB  กำไรดีกว่าตลาดคาด 17% กำไรก่อน provision โตดี +15%

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ค.) คาด SET ยังผันผวนในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกลบใหม่ที่ชัดเจน นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่จะประกาศออกมาทั้งหมดในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นคาดผลประกอบการจะออกมาชะลอตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดสินเชื่อที่ชะลอตัว และยังมีภาระหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่ม Real sector ยังเป็นการหมุนกลุ่มเก็งกำไรในรายอุตสาหกรรมโดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอาทิ กลุ่มท่องเที่ยวรับผลบวกจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 9 เดือน

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : ยังเน้น Selective buy หุ้นที่ปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ กลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/17 จะออกมาดี ASIAN BPP BR ORI EA MTLS IHL SYNTEC PT กลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW และ AOT จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : KTC (ซื้อ/เป้า 135 บาท) ราคาหุ้นลดลงสะท้อนความเสี่ยงที่แบงก์ชาติจะออกกฏควบคุมออกบัตรเครดิตไปแล้ว ขณะที่ผลประกอบการโดยรวมยังแข็งแกร่ง 2Q17 คาดมีกำไรสุทธิ700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% yoy ราคาหุ้นซื้อขายบน PE ต่ำเพียง 10 เท่า มี DPS ต่อปีประมาณ 4.50 บาท ให้ Dividend yield ประมาณ 4% ราคาหุ้นที่ลดลงจึงเป็นโอกาสซื้อ

RCL (ซื้อเก็งกำไร/เป้าหมาย BVPS ที่ 10.40 บาท) ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ (SCFI) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 184 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี คาดหนุนผลประกอบการ 2Q17 พลิกมีกำไร ขณะที่ราคาหุ้นยังซื้อขายต่ำกว่า Book Value (BVPS 10.4 เทียบกับภูมิภาคซื้อขายเท่า Book Value ที่ 1 เท่า), CPF (ซื้อเก็งกำไร) รับอานิสงส์น้ำท่วมใหญ่ในจีน Supply หมูในตลาดหายไป ส่งผลให้จีนต้องนำเข้าหมูจากเวียดนามหนุนราคาหมูเพิ่มขึ้นแรงกว่าเท่าตัวภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ก.ค.) ประเมินดัชนี SET ยังแกว่งตัวในกรอบ 1,570 – 1,590 จุด เนื่องจากยังไร้ปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนตลาด แนะนำ Selective Buy เช่น TMB ([email protected]) กำไร Q2/60 ดีกว่า Consensus 20%/กลุ่ม ร.พ. เช่น BCH, CHG (+ การปรับเพิ่มค่าบริการการทางการแพทย์ผู้ป่วยประกันสังคม 1,500 บาท/คน/ปี)

Back to top button