พาราสาวะถี

หากเป็นตลกเขาว่าถ้ายิงมุกเดิมซ้ำๆมันจะทำให้แป้ก คนดูไม่หัวเราะชอบใจเหมือนดังเดิม เท่ากับว่าคนประกอบอาชีพนี้ไม่ทำการบ้าน ทำงานแบบมักง่าย แต่ในฐานะผู้นำประเทศจะเล่นมุกซ้ำด้วยการโยนความผิดทุกอย่างไปให้รัฐบาลเก่าก่อนตัวเอง ถ้าเป็นช่วงบริหารงานใหม่ไม่ถึงปีหรือแค่ปีเศษๆ กองเชียร์หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้สนับสนุนยังพอให้อภัยกันได้


อรชุน

หากเป็นตลกเขาว่าถ้ายิงมุกเดิมซ้ำๆมันจะทำให้แป้ก คนดูไม่หัวเราะชอบใจเหมือนดังเดิม เท่ากับว่าคนประกอบอาชีพนี้ไม่ทำการบ้าน ทำงานแบบมักง่าย แต่ในฐานะผู้นำประเทศจะเล่นมุกซ้ำด้วยการโยนความผิดทุกอย่างไปให้รัฐบาลเก่าก่อนตัวเอง ถ้าเป็นช่วงบริหารงานใหม่ไม่ถึงปีหรือแค่ปีเศษๆ กองเชียร์หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้สนับสนุนยังพอให้อภัยกันได้

แต่นี่เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังพล่ามบ่นอยู่แต่ว่า ผลงานการแก้ไขปัญหาต่างๆของรัฐบาลคสช. โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่ล่าช้า ไม่ทันใจความอดอยากปากแห้งของประชาชน เป็นเพราะรัฐบาลก่อนหน้ามุ่งแต่ใช้ประชานิยม ไม่ได้วางโครงสร้างหรือรากฐานอะไรให้แข็งแรง มันจึงกลายเป็นแรงกดทับให้รัฐบาลนี้ต้องมาแบกรับและแก้ไขยังไม่เห็นผลตามแนวทางประชารัฐเสียที

เดินแนวทางอย่างนี้ถ้าโบราณเขาจะเรียกว่ารำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง ส่วน พงศ์เทพ เทพกาญจนา สะกิดเตือนหัวหน้าคสช.ว่า บ่นไม่ได้นะ ซึ่งที่บ่นไม่ได้ก็เพราะว่าไม่มีใครเขาเชิญมา และคุณเองก็ไม่ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย แล้วคุณจะบ่นอะไร หากเหนื่อยมากก็ให้คนอื่นเขาทำ ไม่มีปัญหาอะไร จัดเลือกตั้งเร็วๆก็จบ ไม่มีอะไรต้องกังวล ไปเร่ง มีชัย ฤชุพันธุ์ ให้ส่งกฎหมายลูกเรื่องการเลือกตั้งไวๆ ท่านผู้นำจะได้ไม่เหนื่อย

แม้จะออกแนวประชดประชัน แต่ในยามนี้เชื่อว่าหลายคนที่เบื่อความไม่เอาอ่าวในการแก้ปัญหาของท่านผู้นำและคณะคงพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของพงศ์เทพ ความจริงแล้วคงไม่ต้องตอกย้ำอะไรกันมาก มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ใช้มาตรายาวิเศษสั่งการได้ทุกอย่าง การเมืองกระดิกไม่ได้ ฝ่ายค้านไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มี แต่ไม่มีปัญญาทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แล้วเช่นนี้จะไปโทษใคร

ตรรกะทางเศรษฐกิจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแนวคิดของท่านผู้นำหรือทีมงานพวกไหนส่งสคริปต์ให้ เรื่องที่ว่าใช้จ่ายงบประมาณอย่างระมัดระวังและดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่คำตอบที่จะไปแก้โจทย์ในการขับเคลื่อนงานทำให้ความเดือดร้อนเรื่องปากท้องของประชาชนดีขึ้น เพราะสุดท้ายต่อให้ประเทศไทยไม่มีหนี้ แต่ประชาชีหน้าดำคร่ำเคร่งถามว่ามันจะมีประโยชน์อะไร

ความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศมันไม่ได้อยู่ที่ว่า รัฐบาลคณะนั้นจะก่อหนี้น้อยหรือไม่โถมเงินแจกจ่ายประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย แต่หัวใจหลักมันอยู่ที่นอกจากการรีดภาษีจากประชาชนและธุรกิจต่างๆแล้ว คุณมีความสามารถในการที่จะหาเงินเข้ามาบริหารประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาเม็ดเงินจากภาษีของประชาชนได้มากน้อยขนาดไหน

ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับมันสมองของการบริหารจัดการ เอาแค่ประเด็นเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อหวังที่จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ถามว่าที่รัฐบาลนี้ดำเนินการมาทั้งหมดมันกระเตื้องหรือเห็นผลอะไรบ้างหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีพลังงานที่ทักท้วงรัฐบาลเผด็จการจนถูกเรียกปรับทัศนคตินับครั้งไม่ถ้วนจึงต้องออกมากระทุ้ง หลังจากที่ท่านผู้นำกล่าวหานโยบายประชานิยมกันอีกกระทอก

พลเอกประยุทธ์อาจไม่เข้าใจที่ไปกล่าวหาว่า การใช้งบประมาณประเทศ รวมทั้งการใช้งบประมาณที่ไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และไม่เกิดการบูรณาการซึ่งกันและกัน ทำให้สิ้นเปลือง ไม่คุ้มค่าและไร้ประสิทธิภาพ รวมทั้งการแก้ปัญหาเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ไม่เป็นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ผ่านมาเน้นประชานิยม ทำให้ปัญหายังคงวงเวียนอยู่ในสังคมทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ

เพราะความจริงระบบการบริหารงานของรัฐบาลจากทั่วโลก การช่วยคนมีรายได้น้อยไม่ว่าจะเรียกว่า ประชานิยมหรือเรียกนโยบายอะไรก็ตาม ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทั่วโลกต้องทำเป็นอย่างแรกและเป็นหน้าที่หลัก เพราะการช่วยเหลือคนจนและคนด้อยโอกาสให้มีรายได้ที่มากขึ้นนั้น จะทำให้คนเหล่านี้มีกำลังในการจับจ่ายมากขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น และตัวเลขจีดีพีก็จะสูงขึ้นด้วย

การที่ประเทศจะพัฒนาเป็นประเทศที่มีรายได้สูงนั้น สิ่งแรกคือต้องช่วยเหลือคนมีรายได้น้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงก่อน ไม่ใช่แค่การแจกเงิน การใส่ร้ายว่าประชานิยมทำให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ทำให้พลเอกประยุทธ์และรัฐบาล ติดกับดักไม่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจประเทศได้ ปัญหาก็จะเกิดขึ้นตามมา ความเหลื่อมล้ำก็จะเพิ่มมากขึ้น

สิ่งที่พิชัยอดจะตั้งคำถามไม่ได้คือ ที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี บอกว่ารัฐบาลได้เบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วกว่า 900,000 ล้านบาทเพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย ถามว่าเป็นประชานิยมหรือไม่ เหตุใดถึงไม่ได้ผล พอตนไปขอรายละเอียดก็ไม่ยอมเปิดเผย ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีการรั่วไหล คอร์รัปชั่นหรือไม่ จึงอยากให้มีการตรวจสอบ

ส่วนเรื่องที่พิชัยอวดอ้างสรรพคุณของประชานิยมจนทำให้พรรคของนายใหญ่ชนะการเลือกตั้งทุกครั้งนั้น ขอที่จะไม่นำมาขยายผล แต่ตรงประเด็นเรื่องงบประมาณที่เทลงไปสู่ฐานรากนั้น วันนี้ที่คนตั้งคำถามมากที่สุดคือ ตำบลละ 5 ล้านบาทเกิดมรรคผลอะไรในระดับรากหญ้า สร้างงาน สร้างรายได้ในระดับหมู่บ้านและตำบลจริงหรือไม่

ความกังขาต่อการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลนั้น คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่สบายใจ โดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ถามว่ามันเป็นเรื่องที่ดีกว่าประชานิยมตรงไหน ถึงขั้นที่มีคนนำไปเปรียบเปรยว่า เม็ดเงินที่ใช้ไปในการซื้อยุทธภัณฑ์ของกองทัพมันกระตุ้นเศรษฐกิจหรือจีดีพีกว่าประชานิยมอย่างไร

หรือจะเป็นอย่างที่ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ เคยบอกไว้ในบทความ ขณะที่จีนซึ่งเป็นประเทศคอมมิวนิสต์แต่กลับมีนโยบายด้านเศรษฐกิจไม่ต่างกับประเทศเสรีนิยมและเปิดโอกาสให้คนจีนมีเสรีภาพในการสยายปีกไปได้ทั่วโลก แต่ประเทศไทยที่บอกตัวเองตลอดว่าเป็นประชาธิปไตยยังต้องบังคับให้เด็กๆท่องบัญญัติ 12 ประการและมีกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพของประชาชน อนิจจาประเทศไทย

Back to top button