ZIGA ลุ้นแตะเป้า 9.80 บ. ชูพื้นฐานแกร่ง-อนาคตธุรกิจสดใส

ZIGA กระแสแรง! เข้าเทรดวันแรก (17 ส.ค.) ลุ้นวิ่งแตะเป้า 9.80 บาท จากราคา IPO ที่ 5.90 บาท มั่นใจพื้นฐานแกร่ง-อนาคตธุรกิจสดใส ผลประกอบการขยายตัวโดดเด่นและต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (17 ส.ค.) บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยมีจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนกับ ตลท.และหุ้นชำระแล้ว 520,000,000 หุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 260,000,000 บาท

โดย ZIGA ได้เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 130,000,000 หุ้น ราคา IPO หุ้นละ 5.90 บาท ประกอบด้วย  หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 80,000,000 หุ้นและ หุ้นสามัญเดิมเสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ บริษัท ดีงาม โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 50,000,000 หุ้น โดยมี บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายหุ้น พร้อมด้วย 3 โบรกเกอร์ชั้นนำ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดจำหน่าย

อนึ่ง ZIGA เป็นบริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-zinc ภายใต้ตราสินค้า “ZIGA” และท่อเหล็กร้อยสายไฟประเภท Pre-zinc ภายใต้ตราสินค้า “DAIWA”

ด้านนายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ZIGA เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในทุกๆ ด้านแล้ว ที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 130 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 3/2560 โดยได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯก่อนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียน

โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปซื้อที่ดิน สร้างโรงงาน และซื้อเครื่องจักรใหม่ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับแผนขยายกำลังการผลิต เพื่อผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมั่นคงมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในอนาคตบริษัทฯ บริษัทมีโครงการที่จะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และเพิ่มพื้นที่สำหรับบริหารจัดการวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่ไม่เพียงพอในการเพิ่มเครื่องจักรใหม่รวมถึงไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะจัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย ดังนั้น บริษัทจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมการหาพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งนี้ แผนการลงทุนของบริษัทมีมูลค่ารวมประมาณ 350.00 ล้านบาท

ขณะที่ นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า ZIGA เป็นบริษัทฯ ที่มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีผลประกอบการเติบโตในทิศทางที่ดีมาโดยตลอด จึงถือเป็นอีกบริษัทฯ ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มในอนาคตที่ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีกมาก ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2557 มีกำไรสุทธิ 17.31 ล้านบาท ปี 2558 เพิ่มเป็น 68.60 ล้านบาท และในปี 2559 ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 226.13 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.89% , 9.95% และ 24.01% ตามลำดับ เนื่องจากจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และเป็นผลจากการนำระบบ ERP มาใช้ในการบริหารจัดการ ส่งผลให้มีการมีการสูญเสียลดลง ประกอบกับต้นทุนทางการเงินเมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมมีแนวโน้มลดลง

อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นปี 2559 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 626.44 ล้านบาท หนี้สินรวม 311.10 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 315.34 ล้านบาท

ส่วน นางสาวพิมพ์ผกา นิจการุณ กรรมการผู้จัดการธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ZIGA เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น ZIGA เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จะได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักลงทุน

พร้อมทั้งเชื่อว่าจะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีความโดดเด่นในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ธุรกิจยังมีอนาคตที่สดใสสามารถเติบโตได้อีกมาก ผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรมีอัตราการขยายตัวที่โดดเด่นและต่อเนื่องทุกปี และที่สำคัญคือผู้บริหารเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงมีความมุ่งมั่นทำงานและมีวิสัยทัศน์ ที่จะนำพาองค์กรเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

สำหรับผลประกอบการประจำปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 226.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 68.60 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.49 ล้านบาท ลดลง 70.87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 66.90 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 82.06 ล้านบาท ลดลง 38.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 133.71 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินมูลค่าเหมาะสม ZIGA ไว้ที่ราคา 8.40 บาท โดยระบุว่า ZIGA คือผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-zinc ภายใต้แบรนด์ Ziga ซึ่งถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรม และท่อร้อยสายไฟภายใต้แบรนด์ DAIWA โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรายแรกๆในตลาดเหล็กชุบสังกะสีด้วยกระบวนการต่อเนื่อง (Pre-zinc) เพื่อใช้ทดแทนเหล็กที่ไม่ได้ผ่านการชุบ รวมทั้งเหล็กชุบสังกะสีหลังการขึ้นรูป โดยในระยะเวลา 3 เดือนแรกของปี 2560 บริษัทมีสัดส่วนของยอดขายจากผลิตภัณฑ์ Ziga และ DAIWA ในอัตราส่วน 91:9 เป็นผู้นำในตลาดท่อเหล็ก Pre-zinc

ด้วยคุณสมบัติของท่อเหล็ก Pre-zinc ที่คงทนกว่าและมีต้นทุนในการติดตั้งรวมที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับท่อเหล็กดำ ทำให้ผู้บริโภคและช่างรับเหมาหันมาใช้เหล็ก Pre-zinc เพิ่มขึ้นมาก โดยในช่วงสามปีที่ผ่านมาปริมาณการผลิตท่อเหล็กของ ZIGA เติบโตเฉลี่ย 45% ต่อปี จึงมองว่าผลิตภัณฑ์ของ ZIGA นอกจากจะเติบโตตามการลงทุนของภาครัฐแล้ว ยังสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากท่อเหล็กดำแบบเดิมด้วย ขณะเดียวกันในด้านการแข่งขันจากขนาดของตลาดท่อเหล็ก Pre-zinc ที่ยังเล็กอยู่ ทำให้การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ยังไม่มาก ประกอบกับแบรนด์ Ziga ได้รับความนิยมสูงและมีสถานะทางการตลาดที่เข้มแข้งผ่านตราสินค้า จึงถือเป็นบริษัทที่โดดเด่นและน่าสนใจ

ในด้านของผลประกอบการ บล.ธนชาต ประเมินว่ากำไรของ ZIGA ยังมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2560-2562 กำไรจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 25.2% จากปี 2559 ที่ผ่านมาซึ่งทำได้ 226 ล้านบาท สำหรับผลงานในปีนี้ช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าผลการดำเนินงานจะอ่อนตัวลง เพราะประโยชน์จากเหล็กต้นทุนต่ำลดลง แต่จะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งมาจากการขยายกำลังการผลิตและออกผลิตภัณฑ์ใหม่รองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่จากการเจาะตลาดไปยังพื้นที่ใหม่เพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินมูลค่าเหมาะสม ZIGA ไว้ที่ราคา 9.80 บาท ซึ่งจากการรับรู้ของตลาดในการใช้ท่อเหล็ก Pre-zinc ทดแทนท่อเหล็กชุบแบบเดิมที่มากขึ้น และการใช้เทคโนโลยีมาบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้กำไรสุทธิในช่วงสาม ปีที่ผ่านมาเติบโตสูงถึง 207% สำหรับปีนี้คาดว่า ZIGA ยังสามารถสร้างกำไรสุทธิที่โดดเด่นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 26 มาอยู่ที่ 284 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมา และในปี 2561-2562 คาดว่ากำไรสุทธิจะโตเฉลี่ยร้อยละ 26 ต่อปี

Back to top button