SQ เจ้าสาว (ไม่) กลัวฝน

ตอนสิ้นงวดไตรมาสแรก บริษัทรับเหมาขุดแร่รายใหญ่สุดของไทย บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ ที่ไร้คู่แข่งในตลาดเดียวกัน รายงานตัวเลขกำไรสุทธิสวยหรู อยู่ที่ระดับ 226 ล้านบาท โตกว่าระยะเดียวกันปีก่อน 220% จากรายได้อยู่ที่ 547 ล้านบาท ที่เติบโตใกล้เคียงกันที่ 256% 


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ตอนสิ้นงวดไตรมาสแรก บริษัทรับเหมาขุดแร่รายใหญ่สุดของไทย บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ ที่ไร้คู่แข่งในตลาดเดียวกัน รายงานตัวเลขกำไรสุทธิสวยหรู อยู่ที่ระดับ 226 ล้านบาท โตกว่าระยะเดียวกันปีก่อน 220% จากรายได้อยู่ที่ 547 ล้านบาท ที่เติบโตใกล้เคียงกันที่ 256%

อัตราเติบโตของรายได้และกำไรที่โดดเด่นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ และตลาดคาดที่ระดับ 140–160 ล้านบาทมาก รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 38.8% ทำให้ มีการปรับราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปีนี้ที่มากกว่า 6.40 บาท ในฐานะหุ้นท็อปพิคตัวหนึ่งของตลาด

ถึงไตรมาสสอง ซึ่งมีฝนเร็วและมากกว่าปีก่อนมาก มุมมองของนักวิเคราะห์ก็เปลี่ยนไป เพราะคาดหมายกันว่า SQ จะมีสภาพเป็น “เจ้าสาวกลัวฝน” ที่รายได้และกำไรจะหดหายเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น

คำชี้แนะของนักวิเคราะห์ก่อนสิ้นไตรมาสสอง แม้จะยังคงให้ซื้อ แต่สุ่มเสียงที่เบาบางลง ด้วยเหตุผลว่า กำไรรายไตรมาสจะหดตัวลงจากไตรมาสแรก ทำให้ราคาหุ้น SQ ถูกมองเมินจากนักลงทุน ไม่สามารถก้าวข้ามแนวต้านจิตวิทยาสำคัญ 6.00 บาทได้

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดเดาว่าสิ้นงวดไตรมาสสอง SQ น่าจะมีกำไรเฉลี่ยไม่เกิน 120 ล้านบาท … การชี้นำดังกล่าว เปรียบได้กับ น้ำหยดลงหิน ที่กัดกร่อนความเชื่อมั่นของตลาดไม่น้อย

กว่าจะรู้ตัวว่านักวิเคราะห์ก็มนุษย์ปุถุชน คนเราย่อมมีพลาดพลั้งกันได้ ก็พากัน “ขายหมู” หรือ “ทำหมูหก” กันนักต่อนัก

งบไตรมาสสองของ SQ ที่ประกาศออกมา ทำได้ดีเกินคาด ชนิดนักวิเคราะห์ถึงกับ “หงายเงิบ” ทีเดียว

SQ รายงานกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด 33% โดยกำไรเพิ่มขึ้นจากระเดียวกันปีก่อน 159% แม้ว่าเทียบกับไตรมาสแรกจะลดลงเพราะ “กลัวฝน” ตามคาดถึง 27% ซึ่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ในไตรมาสสอง SQ มีรายได้รวม 913 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งสะท้อนว่า แม้จะกลัวฝน แต่ก็ไม่ได้ยั่นต่อสายฝนที่กระหน่ำมากนัก

เหตุผลที่ผู้บริหาร SQ อธิบายว่ารายได้และกำไรสุทธิ ได้ดีเกินคาดหมายมากเพราะ มีแรงหนุนจากการเพิ่มปริมาณขุดขนดินของโครงการแม่เมาะ 8 ทำได้มากขึ้น และราคาขุดขนดินต่อหน่วยเพิ่มขึ้นตามสัญญา …เช่นเดียวกับรายได้จากโครงการหงสาฯ ที่ได้ปริมาณงานเพิ่มขึ้น

หากว่าในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา มีปัจจัยลบน้อยลงสองเรื่องคือ ฝนตกน้อยลง และ วันหยุดยาวใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสแรก ที่ส่งผลทำให้มีชั่วโมงการทำงานน้อยลง …. กำไรน่าจะมากกว่านี้

ลึกลงในรายละเอียด การขุดขนหน้าดินเหมืองลิกไนต์ที่แม่เมาะ ในโครงการแม่เมาะ 8 ที่เพิ่มขึ้นมาก 143% จากระยะเดียวกันปีก่อน ที่ทำได้เกินแผนงาน จากเดิมมีสัญญาจะขุดขนดินเท่ากับ 8.5-9 ล้านลบม.แน่น แต่ครึ่งปีแรกขุดขนดินไปแล้ว 7 ล้านลบม.แน่น เพราะสามารถติดตั้งเครื่องจักรในการขุดแล้วบางส่วน ช่วยหักกลบการลดลงของปริมาณงานที่โครงการแม่เมาะ 7 และ 7/1 ที่ใกล้และสิ้นสุดลง ซึ่งลดมากถึง 31% ลงไปได้

ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่ การรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ยังอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยมต่อไป ระดับ 35.0% ชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก 38.8% แต่ดีขึ้นจากปีก่อน 24.3% จากการบริหารต้นทุนได้ดี รักษาตัวเลขภาระดอกเบี้ยจ่ายจนไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสามารถควบคุมได้ดี ถือเป็นฝีมือที่มากกว่าระดับปกติธรรมดา

กำไรสุทธิครึ่งแรกของปีที่ระดับ 391.38 ล้านบาท แซงหน้ากำไรสุทธิของตลอดปี 2559 ที่ระดับ 322.71 ล้านบาท ไปเรียบร้อย และยังทำให้อัตรากำไรสุทธิล่าสุดอยู่ที่มากกว่า 20% ในขณะที่รักษาสัดส่วนดี/อีไว้ที่ 1.8 เท่าได้ ท่ามกลางการเติบโตที่ยังต้องลงทุนไปเรื่อยๆ จากงานรับเหมา ถือว่าทำได้ออกมาเกินกว่าประมาณการกำไรทั้งปี ที่โดดเด่น…ไร้เทียมทาน

กำไรที่สวยงาม ทำให้ล่าสุดค่าพี/อีของ SQ ลดลงมาเหลืออยู่ที่ 11 เท่า…. ส่วนหนึ่งเพราะราคาหุ้นไม่ขานรับผลกำไรที่เพิ่มขึ้น

 SQ กลายเป็นหุ้นที่ราคา อึดทืด หรือ laggard… ได้อย่างไร ยังเป็นปริศนาที่ต้องการคำตอบ

หากพิจารณาต่อไปในอนาคต ที่นักวิเคราะห์คาดหมายว่า ในไตรมาสสามที่เป็นช่วงต่ำสุดของ “เจ้าสาวกลัวฝน” SQ ก็ยังคงจะมีกำไรโดดเด่นต่อไป แม้ว่า จะลดลงตามปัจจัยฤดูกาลก็ตาม เนื่องจากคาดว่า ปริมาณการขุดขนดินทั้งโครงการแม่เมาะ 8 และโครงการหงสาที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงราคารับเหมาที่เพิ่มขึ้น จะมีส่วนทำให้ค่าพี/อีของ SQ ลดลงไปอีก … หากราคายังแน่นิ่งใต้ 6.00 บาทเช่นที่เป็นอยู่

ราคาที่อึดทืดเกินจำเป็น เมื่อเทียบกับรายได้-กำไรที่จะเกิดขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนเริ่มเปลี่ยนท่าทีเป็นบวกมากขึ้น ระบุว่า กำลัง “…อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการกำไร” โดยบางสำนักเกริ่นเบื้องต้นว่า มีความเป็นไปได้ที่จะปรับประมาณการกำไรขึ้นราว 20-25% จากประมาณการกำไรในปัจจุบัน

ส่วนบางสำนัก ไม่พูดมาก ฟันธงล่วงหน้าไปเลยว่าราคาเป้าหมายต้องเกิน 7.40 บาท… เท่ากับมีอัพไซด์มากถึง 35% ทีเดียว… ไม่รู้เข้าข่าย “พาไปเที่ยวค้างบนดอย” หรือเปล่า

เหตุผลเบื้องหลังปรับมุมมองบวกกว่าเดิมก็ฟังแล้วมีเหตุผล เพราะอ้างว่า…ผู้บริหารได้พิสูจน์แล้วว่า มีขีดความสามารถในการบริหารจัดการเครื่องจักรในภาวะต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากสตอรี่โครงการในอนาคตที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดโครงการแม่เมาะ 9 (มูลค่าโครงการ 40,200 ล้านบาท) ทาง SQ ได้ยื่นซองประมูลไปแล้วที่จะรู้ผลประมูลผู้รับเหมา คาดว่าจะเป็นในช่วงปลายปีนี้ เติมแบ็กล็อกเดิมที่มีมากแล้วให้เพิ่มไปอีก

ดูดีไปหมดอย่างนี้ ถามว่าคำชี้แนะที่บอกว่าช่วงนี้ เป็นจังหวะ “ซื้อสะสม” มากหรือน้อยเกินไป

คงตอบแทนนักลงทุนไม่ได้ เพราะนักลงทุนที่เขี้ยวลากดิน ต้องถามตัวเองว่า… กลัวฝนแค่ไหน

อิ อิ อิ

Back to top button