คัด 11 หุ้น รอวันฟื้น งบฯ Q2 ขาดทุนลดลง ฟาก D/E เหลือไม่ถึง 2 เท่า

คัด 11 หุ้น รอวันฟื้น ผลงาน Q2/60 ขาดทุนลดลงเกิน 20% ฟาก D/E เหลือไม่ถึง 2 เท่า


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ผลประกอบการไตรมาส 2/60 ขาดทุนลดลงถึง 50% ซึ่งแสดงถึงธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัว และคาดว่าในไตรมาสถัดไปอาจจะมีกำไรสุทธิได้

นอกจากนี้ยังใช้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio : D/E) ต่ำกว่า 2 เท่า เป็นเกณฑ์เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า บจ.เหล่านั้นยังมีศักยภาพที่สามารถชำระหนี้ได้

โดย อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น คือ อัตราส่วนที่นำหนี้สินรวม หารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งจะแสดงโครงสร้างเงินทุนของกิจการว่าสินทรัพย์ของกิจการมาจากการกู้ยืม หรือมาจากทุนของกิจการ

ทั้งนี้ หากค่า D/E สูง แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีโอกาสที่จะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้สูง เนื่องจากมีหนี้สินสูงก็จะส่งผลให้บริษัทมีภาระที่ต้องชำระดอกเบี้ยเพิ่มตามไปด้วย

สำหรับการสำรวจในครั้งนี้จะคัดเฉพาะบจ.ที่มีผลขาดทุนสุทธิลดลงในไตรมาส 2/60 และค่า D/E ต่ำกว่า 2 เท่า โดยมีทั้งหมด 11 บจ. ดังตารางประกอบ

คลิกที่รูปภาพเพื่อขยายขนาด

โดยอันดับ 1 บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลขาดทุนสุทธิ 5.20 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 98% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 475.44 ล้านบาท

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีผลขาดทุนลดลงเนื่องจากรายได้จากการเดินเรือเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากรายได้เฉลี่ยต่อวันต่อลำเรื่อเพิ่มขึ้น หลังอัตราค่าระวางเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองฟื้นตัว

นอกจากนี้ในไตรมาส 2/59 บริษัทบันทึกขาดทุนจากการขายเรือเก่าและขาดทุนจาการด้อยค่าของเรือจำนวน 135.64 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสนี้บริษัทไม่มีการบันทึกขาดทุนดังกล่าวเนื่องจากบริษัทได้ขายเรือเก่าแล้ว

ขณะที่บริษัทมีหนี้สินรวมที่ 18,442 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 12,893 ล้านบาท และมีค่า D/E อยู่ที่ 1.43 เท่า

อันดับที่ 2 บริษัท นิปปอน แพ็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลขาดทุนสุทธิ 3.48 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 93% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 52.91 ล้านบาท

โดยบริษัทมีรายได้จากการขายเดือน ม.ค.ถึงเดือนมิ.ย.ปี 2560 เท่ากับ 576.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247.3 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 75% เมื่อเปรียบเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่บริษัทมีหนี้สินรวมที่ 482 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1,143.98 ล้านบาท และมีค่า D/E อยู่ที่ 0.42 เท่า

อันดับที่ 3 บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลขาดทุนสุทธิ 1.34 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 87% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 10.87 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนลดลงเนื่องจากบริษัทมีรายได้ค่าร่วมผลิตรายการ

ขณะที่บริษัทมีหนี้สินรวมที่ 26 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 962 ล้านบาท และมีค่า D/E อยู่ที่ 0.03 เท่า

 

อันดับที่ 4 บริษัท เอส. แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SPACK รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลขาดทุนสุทธิ 2.43 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 78% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 11.33 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวขาดทุนลดลงเนื่องจากบริษัทมียอดขายจาก 222.64 ล้านบาทในไตรมาส 2/2559 เป็น 248.23 ล้านบาทในไตรมาส 2/2560 เพิ่มขึ้น 25.59 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 11.49 เนื่องจากลูกค้ากลุ่มถุงมือยางขยายกำลังการผลิต และอุตสาหกรรมอาหารทะเลมีวัตถุดิบเพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัทมีหนี้สินรวมที่ 822 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 455 ล้านบาท และมีค่า D/E อยู่ที่ 1.80 เท่า

 

อันดับที่ 5 บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 มีผลขาดทุนสุทธิ 3.69 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 73% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 13.67 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสขาดทุนลดลง เนื่องจากรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนขายและยังสูง

ขณะที่บริษัทมีหนี้สินรวมที่ 813 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 664 ล้านบาท และมีค่า D/E อยู่ที่ 1.23 เท่า

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button