III เทรดวันแรกลุ้นทะลุ 6 บ. มั่นใจพื้นฐานโตแกร่ง

III ลุยเทรดวันแรก! ลุ้นวิ่งทะลุ 6 บาท จากราคา IPO ที่ 4.80 บาท มั่นใจพื้นฐานแกร่ง โบรกฯ มองมีศักยภาพเติบโตเด่น จากการสร้างเครือข่ายธุรกิจแบบครบวงจรด้วยบริการที่ครอบคลุมของบริษัท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (1 ก.ย.) บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก โดยเสนอเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 160,000,000 หุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น ที่ราคา IPO หุ้นละ 4.80 บาท โดยมีธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ นายทิพย์ ดาลาล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นการระดมทุนเพื่อรองรับแผนการขยายกิจการ และสอดคล้องกันนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมธุรกิจ SME และ การลงทุนในเมกะโปรเจ็คเพื่อทำให้เกิดการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ และการขยายตัวของเศรษฐกิจการค้าของประเทศในกลุ่มอาเซียน ทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทมีแผนการลงทุนในโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการท่าขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง โครงการเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าและบริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ภายในประเทศ โครงการบริการจัดส่งและบริหารสินค้าคงคลังทั้งระบบเพื่อรองรับธุรกิจ e-commerce และโครงการขยายพื้นที่คลังสินค้าและเพิ่มรถขนส่งสำหรับสินค้าอันตราย เป็นต้น บริษัทคาดหวังว่าการขยายธุรกิจจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป

ทั้งนี้ภายหลัง IPO III มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ นายทิพย์ ดาลาล ถือหุ้น 23.39% นายวิรัช นอบน้อมธรรม ถือหุ้น 17.86% และนายธีรนิติ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ถือหุ้น 10.04% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนสถาบัน (Book Building) ในแต่ละระดับราคา (Price Range) โดยอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ของบริษัท เท่ากับ 22.66 เท่า โดยพิจารณาเปรียบเทียบกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทฯ ที่เท่ากับ 0.21 บาทต่อหุ้น ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด หารด้วยจำนวน หุ้นสามัญทั้งหมด (Fully diluted)

ขณะที่ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของบริษัทฯ หลังหักเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีเงื่อนไขว่าการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่น ๆ ในอนาคตด้วย

 

สำหรับผลประกอบการประจำปี 59 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 89.43 ล้านบาท จากปีก่อนมีผลขาดทุน 2 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 22.43 ล้านบาท ส่วน 6 เดือนแรกบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 83.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 49.53 ล้านบาท

 

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมายที่ 5.20 บาทต่อหุ้น อิง P/E 17.7 เท่า ในปี 2561โดยเชื่อมั่นว่าธุรกิจของ III พร้อมเติบโตตามอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จากการที่บริษัทฯประสบความสำเร็จกับการสร้างเครือข่ายธุรกิจแบบครบวงจรด้วยบริการที่ครอบคลุม

ประกอบกับทำเลยุทธศาสตร์ของไทยสู่ทำให้บริษัทฯสามารถขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตทางการค้าของ CLMV และธุรกิจค้าส่ง/ค้าปลีกแบบ e-commerce บริษัทฯได้ทำสัญญากับบริษัทไปรษณีย์ไทย

อีกทั้งบริษัทยังเป็นตัวแทนการขายระวางสินค้าแต่เพียงผู้เดียวของสายการบินไทย แอร์ เอเชีย และสายการบินไทย แอร์ เอเชีย เอ็กซ์ และการที่บริษัทเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์อย่างครบวงจร ซึ่งถือเป็นสินค้าที่ต้องอาศัยความความชำนาญเฉพาะด้าน

โดยลูกค้าของบริษัทกว่า 90% เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่บวกกับมาตรฐานความปลอดภัยสูงของ III ทำให้บริษัทมีมาร์จินสูง อีกทั้งบริษัทฯอยู่ระหว่างการขยายพื้นที่คลังสินค้าอีก 30% (5,000 ตรม.) เพื่อรองรับความต้องการในอนาคตซึ่งคาดว่ารายได้จากธุรกิจนี้จะเติบโตสูงขึ้น

อีกปัจจัยหนึ่งคือ III เพิ่งทำสัญญาเป็นผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานดอนเมือง (5,222 ตรม) เป็นเวลา 5 ปีแทน BFS (Bangkok Flight Service) และยังสามารถให้บริการแก่สายการบินอื่นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอีกด้วย

นอกจากนี้ III มีแผนจะเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าภายในประเทศที่ให้เช่าแก่บริษัทไปรษณีย์ไทยอีกเท่าตัวเป็น 10,000 ตรม.ซึ่งคาดว่าแผนดังกล่าวจะสามารถขับเคลื่อนการเติบโตของ III

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมายที่ 6.50 บาทต่อหุ้น อิง P/E ที่ 19 เท่าของปริมาณกำไรปี 2561 โดย III เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งมีบริการที่หลากหลาย แบ่งเป็น 4 หน่วยธุรกิจหลัก คือ ทางอากาศ ทางทะเล การบริหารจัดการโลจิสติส์ และการจัดการโลจิสติกส์วัสดุอันตราย

โดยจุดเด่นในแต่ละประเภท เช่น ทางอากาศ  Cargo General Sale Agent (GSA) บริษัทฯเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าแต่เพียงผู้เดียวให้กับสายการบินไทยแอร์ เอเชีย และไทย แอร์ เอเชีย เอ็กซ์ ในทุกเส้นทางที่เข้าและออกจากสนามบินดอนเมือง และ สายการบิน Sri Lankan , Lan Cargo , Bhutan , Jeju Airlines

อีกทั้งบริษัทมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรในจุดที่มีการเติบโตสูง ได้แก่การขนส่งสินค้าที่สนามบินดอนเมือง จากข้อมูลในอดีตจะเห็นว่าปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านสนามบินดอนเมืองมีการเติบโตสูงถึง 38% ในปี 2558 และ 34% ในปี 2559 อีกทั้งแนวโน้มการค้า Online ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ขณะเดียวกันสมรภูมิที่ตั้งของ III ถือเป็นจุดเด่นของอุตสาหกรรมเพราะประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งกับประเทศอื่นๆ ใน ASEAN ทำให้จำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารพุ่งสูงขึ้นส่งผลให้การขนส่งทางอากาศขยายตัวตามไปด้วย

นอกจากนี้รัฐบาลยังจัดตั้งโครงการเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญอีกด้วยและบริษัทฯยังมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขันในธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจากเป็นผู้ชำนาญพิเศษด้านการให้บริการวัสดุอันตรายและเคมีภัณฑ์แบบครบวงจร ที่มีประสบการณ์มากว่า 13 ปีในอุตสาหกรรมที่คู่แข่งน้อยราย

 

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น III เข้าซื้อขายในวันแรก (1 ก.ย.) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 6 บาท จากราคา IPO ที่ 4.80 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 20 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.30 บาท โดยมองว่าธุรกิจของบริษัทจะสามารถเติบโตตามอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่บริษัทมีเครือข่ายการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ทั้งทางอากาศ ทางทะเล การบริหารจัดการโลจิสติส์ และการจัดการโลจิสติกส์วัสดุอันตราย

Back to top button