ถึงเขาหลอก…แต่เต็มใจให้หลอก

*กองทุนตัวแสบยังคงเล่นตามสคริปท์ได้อย่างสมบทบาท โดยวานนี้กลายเป็นผู้สาดหุ้นออกมาแต่เพียงผู้เดียว และถือเป็นการขายออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยล่ะ...จะบอกให้!


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*กองทุนตัวแสบยังคงเล่นตามสคริปท์ได้อย่างสมบทบาท โดยวานนี้กลายเป็นผู้สาดหุ้นออกมาแต่เพียงผู้เดียว และถือเป็นการขายออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยล่ะ…จะบอกให้!

*“โมนิก้า”ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้มีปัญหาคลางแคลงใจกับเหล่ากองทุนตัวแสบแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องราวมันถูกเรียงร้อยออกมาเช่นนี้ เดี๊ยนคงต้องนำเสนอออกไปตามเนื้อผ้าแล้วกันนะเจ้าค่ะ

*ตลาดหุ้นไทยวานนี้ทรุดลงไปที่ 1,616.33 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาทำจุดสุดยอดที่ 1,623.95 จุด แต่สุดท้ายมิวายออกอาการกะปลกกะเปลี้ย พร้อมกับลงมาปิดที่ระดับ 1,620.42 จุด บวกไป 1.31 จุด ด้วยมูลค่า 5.03 หมื่นล้านบาท

*ด้วยการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว เดี๊ยนคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากไปกว่าการพุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่ขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่องแล้วนะคะ แถมงานนี้บอกได้คำเดียวว่า โดนเขาฟันอีกแล้ว! อิอิ

*บรรดาผู้มีอิทธิพลต่อท่วงท่าและลีลาของเหล่ากองทุน ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมในยุทธการอวย (ไส้แตก)รัฐบาลทหาร สำหรับผลงานชิ้นโบว์แดงที่ว่ากันว่า สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทุกหมู่เหล่า ด้วยกันทั้งสิ้น

*ประเด็นดังกล่าว เป็นผลทำให้ดัชนีหุ้นไทยบวกขึ้นมาเกือบ 30 จุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยวันนั้นหลายคนออกมากล่าวสดุดีวีรกรรมของทหาร รวมถึงพลเรือนผู้มีส่วนร่วม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นตัวชี้ชัดแล้วว่า “ที่ยกย่องไปน่ะ…แค่พูดเล่น!”

*แต่อย่างว่า…จะให้เชื่อเข้าไปได้อย่างไรใช่ไหมล่ะเจ้าคะ? เพราะเดี๊ยนเองก็เห็นเหมือนกันว่า ที่ว่ากันว่าเศรษฐกิจดีนักดีหนา จนถึงขั้นต้องปรับประมาณการจีดีพีกันให้วุ่นวายไปหมดเนี่ย แท้จริงแล้วอาจเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น!

*เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดอะไรกันให้มากความ รู้ไว้อย่างเดียวว่า แค่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมาก็ปรากฏตัวเลขต่ำเป้าไปกว่า 4 หมื่นล้านบาทแล้วเจ้าค่ะ! เป็นไงค่ะ…เศรษฐกิจดีใช่ไหม?

*เพราะฉะนั้น การปรับตัวขึ้นมาของดัชนีตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ที่เริ่มมีการย่ำฐานเข้าซะแล้ว ผู้สันทัดกรณีหลายท่านคงพอจะเดาได้นะคะว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้น

*ส่วนพฤติกรรมของบรรดากองทุนตัวแสบที่วันนั้นมีส่วนร่วมในการเรียกความเชื่อมั่นด้วยการซื้อแบบถล่มทลาย แต่พอวันนี้กลับเป็นฝ่ายที่ขายออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมดแรงลงง่ายๆ กำลังเป็นตัวสะท้อนความหมายสำคัญอะไรบางอย่างหรือไม่?

*เห็นได้จากในรายของ ASIAN ที่กระชากขึ้นมาปิดที่ 19.10 บาท บวกไป 4.20 บาท หรือขึ้นไป 28.19% ด้วยมูลค่า 2.78 พันล้านบาท ฟากธุรกิจก็เหมือนจะยังไปได้สวย แต่ “โมนิก้า” มองเป็นจุดเฝ้าระวังสำหรับการลงทุนของนักเก็งกำไร เพราะวันนี้สัญญาณเทคนิคชี้ว่าเริ่มเข้าใกล้เขตซื้อมากเกินไป หลังจากราคาหุ้นปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาว 4 เดือน จึงน่าจะเหลือแก๊ปให้วิ่งอีกไม่มาก

*ไม่ต่างอะไรกับ BGRIM ที่แรงทะลุปรอทได้อย่างต่อเนื่อง จนลากมาปิดที่ 22.80 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 4.59% ด้วยมูลค่า 1.55 พันล้านบาท เห็นราคาขึ้นมาขนาดนี้จะให้ “โมนิก้า” ปล่อยผ่านก็คงจะไม่ได้ ต้องให้ใบเหลืองเอาไว้ก่อน เพราะวันนี้ราคาหุ้นเขาเทรดบน P/E 38 เท่าเข้าไปแล้ว แถมสัญญาณเทคนิคยังบ่งบอกว่าเข้าเขตอันตราย งานนี้ใครไม่อยากเจ็บตัวเตรียมตัวเผ่นกันเลยจ้า

*มาถึงหุ้นน้องใหม่อย่าง III ที่ขึ้นไปสูงจนน่าหวาดเสียว งานนี้ “โมนิก้า” ยังยืนยันคำเดิมว่านักลงทุนต้องระวังเอาไว้ให้ดี เห็นได้จากราคาหุ้นภาคเช้าขึ้นไปเฉียดซิลลิ่งที่ 12.50 บาท แต่กลับมีแรงเทขายลงมาอย่างหนักช่วงท้ายตลาดจนเหลือบวกแค่ 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.06% ด้วยมูลค่า 3.58 พันล้านบาท รูปแบบนี้เข้าลักษณะที่ว่าลากไปเชือด อีกอย่างที่โมนิก้าย้ำนักย้ำหนาว่าตอนนี้เทรดบนค่า P/E สูงถึง 48.03 เท่า ดูๆแล้วคงไม่ใช่จังหวะที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยง

*อีกรายที่ดีดขึ้นมาแบบงงๆ สำหรับ STA บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 7.56% มาปิดที่ 12.80 บาท ด้วยมูลค่า 379 ล้านบาท งานนี้มองว่าเป็นเพียงการเล่นรอบเก็งกำไร เพราะผลงานที่ยังติดลบ แถมหนทางสำหรับการกู้หน้าในครึ่งปีหลังไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อีกทั้งราคายางที่ยังผันผวน ฟากพื้นฐานธุรกิจก็ยังมีหนี้ท่วมหัว ถ้ายังไม่เห็นจุดเปลี่ยนของบริษัทก็ถอยกันก่อนจะดีกว่า

*มาเม้าท์กันที่หุ้นดีๆกันบ้าง หลังวานนี้ได้เห็นหุ้น PTG ทะยานขึ้นมาปิดสูงสุดในรอบ 2 เดือน โดยหุ้นมาปิดที่ 21.80 บาท บวกไป 1.10 บาท หรือขึ้นไป 5.31% ด้วยมูลค่า 826.95 ล้านบาท เห็นวอลุ่มเทรดแน่นขนาดนี้เชื่อว่าเกิดจากแผนรุกเพิ่มสัดส่วนกลุ่มธุรกิจนอน-ออยล์ ล้วนๆ แถมด้วยการวาดวิมานบนเมฆขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยออกจากปั๊ม พีที หุ้นน้ำดีมีสตอรี่แบบนี้มีหรือขาช้อปอย่างเราจะไม่สน…อิอิ

*เหมือนในรายของ WICE ที่ราคาทำนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯ มาปิดที่ระดับ 4.64 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 2.20% ด้วยมูลค่า 508.10 ล้านบาท เห็นราคาหุ้นขึ้นไม่หยุดไม่หย่อนรอบนี้ “เดี๊ยน” มองว่ามีสิทธิที่จะวิ่งเกิน 5 บาท เห็นได้จากกำไรครึ่งปีหลังที่มีโอกาสขึ้นไปทำ All time high ด้วยความแข็งแกร่งในทุกมิติขนาดนี้ ของเขาก็น่าจะดีจริงๆ เจ้าค่ะ…

*ตบท้ายกันที่เรื่องฉาวๆคาวๆ อย่าง IFEC ที่ป่านนี้ทุกคนคงจะทราบกันดีถึงจุดจบของ “เม้ง”  กันแล้ว หลังจาก ก.ล.ต.ลงดาบฐาน “ทุจริต” ต่อหน้าที่ จนโดนเด้งออกจากเก้าอี้ผู้บริหารทันที พร้อมเตรียมเช็คบิลบอร์ดเก่าทั้งยวง ช็อตต่อไปคงจะเป็นเรื่องที่ “เม้ง” ฟ้องร้อง “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เป็นประเด็นที่ต้องติดตามกันว่าบทสรุปจะลงเอยอย่างไร

Back to top button