SGP ไฉไล! หุ้นวิ่งกระฉูด รับขึ้นราคา LPG หนุนกำไร Q3 โตระเบิด

SGP ไฉไล! หุ้นวิ่งกระฉูด รับขึ้นราคา LPG 0.67 บาท/กิโลกรัม (กก.) หนุนกำไร Q3/60 โตระเบิด


สืบเนื่องจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นมาก ดังนั้นเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. จึงมีมติปรับราคาขายปลีกก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) อ้างอิงสำหรับเดือนก.ย. 2560 เพิ่มขึ้น 0.67 บาท/กิโลกรัม (กก.) จาก 20.49 บาท/กก. เป็น 21.15 บาท/กก. ส่งผลให้ราคาขายปลีก LPG ขนาดถัง 15 กก. เพิ่มขึ้นอีก 10 บาท ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของหุ้นที่ได้รับผลบวกจากกรณีดังกล่าวมานำเสนอนักลงทุน โดยหุ้นที่ได้รับผลดีมากที่สุด ได้แก่ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP ซึ่งเห็นได้จากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปิดตลาดวานนี้ (12 ก.ย.) ราคาอยู่ที่ 18.90 บาท บวก 1.60 บาท หรือ 9.25% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 559.45 ล้านบาท

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า SGP จะได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นราคาขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว และจะส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 3/60 เติบโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทได้บันทึกต้นทุนที่ระดับราคาต่ำไปแล้วในไตรมาส 2/60

ด้าน นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ SGP เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าจะขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ จากที่เคยมีกำไรสุทธิสูงสุดในปี 56 ที่ระดับ 1.6 พันล้านบาท เป็นผลจากราคาขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น โดยในเดือน ก.ย.ราคาขาย LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 490 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 103 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากสิ้นไตรมาส 2/60 ตามความต้องการใช้ LPG ทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นมาตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ผลการดำเนินการในช่วงครึ่งปีแรกมีความโดดเด่น โดยมีรายได้อยู่ที่ 2.77 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.08 พันล้านบาท ใกล้เคียงกับกำไรสุทธิทั้งปี 59 ที่ 1.12 พันล้านบาท

ขณะที่ ยังมองแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะสูงกว่าครึ่งปีแรก เพราะในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่จะเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้ LPG มากที่สุด ประกอบกับบริษัทยังมองแนวโน้มราคาขายเฉลี่ย LPG จะยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่าราคาขายเฉลี่ยในเดือน ก.ย.นี้ ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก

ส่วนปริมาณขาย LPG ที่ตั้งเป้าไว้ระดับ 3.2 ล้านตันในปีนี้ คาดว่าจะทำได้เกินเป้าหมายดังกล่าว เพราะยอดขายในประเทศจีนมีแนวโน้มที่จะทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 1.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1.2 ล้านตันในปีก่อน เพราะความต้องการใช้ก๊าซ LPG ในจีนมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และการขาย LPG ในมาเลเซียยังเติบโตดีราว 5% รวมทั้งความต้องการใช้ในประเทศก็ยังอยู่ในระดับที่ดี โดยปัจจุบันสัดส่วนการขาย LPG ของบริษัทมาจากการขายในต่างประเทศ 62% และการขายในประเทศ 38% โดยการปริมาณขาย LPG ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้รายได้ในปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 6 หมื่นล้านบาท

 

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า SGP ได้รับแรงบวกจากการปรับราคาขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ขึ้น 0.67 บาท/กิโลกรัม (กก.) ในเดือนก.ย.นี้ ขณะที่รัฐบาลได้เปิดนำเข้าเสรี และลอยตัวราคา LPG ตั้งแต่เดือนส.ค.60 ช่วยหนุนให้ปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ SGP มีแผนการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ เช่น เมียนมา, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, และบังคลาเทศ และมีการร่วมลงทุนสำหรับโรงไฟฟ้าขนาด 230 เมกะวัตต์ (MW) จะสามารถเปิดดำเนินการได้ในช่วงเวลาอันสั้นนี้

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ราคา LPG เดือน ก.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 490 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำสิถิติสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยราคา LPG ที่กลับมาฟื้นตัวหลังจากที่ปรับตัวลงในไตรมาส 2/60 จะส่งผลบวกโดยตรงต่อผู้ประกอบการเนื่องจากจะได้ส่วนต่างราคา (มาร์จิ้น) ที่เพิ่มขึ้นเพราะได้บันทึกต้นทุนที่ระดับราคาต่ำไปแล้วในไตรมาส 2/60 ทำให้แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจ LPG มีลุ้นพลิกเป็นกำไรในไตรมาส 3/60 

Back to top button