PYLON กำไรปีนี้ยังหดจากรับรู้งานยังต่ำ โบรกฯแนะขายราคาเกินพื้นฐาน

PYLON กำไรปีนี้ยังหดจากรับรู้งานยังต่ำ โบรกฯแนะขายราคาเกินพื้นฐาน


บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(14ก.ย.) ว่า บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON มีประเด็นสำคัญดังนี้ 1) ช่วง ไตรมาส2/60-ไตรมาส3/60 อุตสาหกรรมฐานรากไม่สดใสตามอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ชะลอตัว ส่งผลให้ปีนี้คาดรายได้และกำไรจะหดตัวจากปีก่อน

อย่างไรก็ดีช่วงไตรมาส4/60 คาดธุรกิจจะมีทิศทางดีขึ้นจากการฟื้นตัวของงานภาครัฐและเอกชน โดยงานภาคเอกชนมีหลายโครงการที่เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส4/60 เช่น Life อโศก-พระราม 9, The Parkland เพชรเกษม 56, โรงพยาบาลวิมุตติ เป็นต้น ส่วนงานภาครัฐที่บริษัทยังอยู่ระหว่างประมูล เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู เหลือง และงานรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง (มาบกะเบา-จิระ, ประจวบขีรีขันธ์-ชุมพล, นครปฐม-หัวหิน, ลพบุรี-ปากน้ำโพ, หัวหิน-ประจวบขีรีขันธ์) โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงต้นปี 2561 และจะรับรู้รายได้ในปี 2561-2562 และ 2) ปัจจุบัน PYLON มี Backlog ในมือ (11 ก.ย. 60) 551.6 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนงานเฉพาะค่าแรงลดลงมาที่ระดับ 31.4% จากก่อนหน้า (4 มิ.ย.) ที่ระดับ 54.5% โดยผู้บริหารคาดจะรับรู้ราว 60-70% ในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส4/60

แม้ช่วงไตรมาส3/60 คาด PYLON จะมีกำไรฟื้นตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้าและเข้าสู่พีคในช่วงไตรมาส4/60 หลังมี Backlog ในมือ 551.6 ล้านบาท ซึ่งคาดจะ Secured Revenue ราว 75% ของประมาณการรายได้ในช่วง 2H60 โดยมาจากการเริ่มก่อสร้างโครงการใหม่ โดยเฉพาะภาคเอกชน เช่น Life อโศก-พระราม 9, The Parkland เพชรเกษม 56, โรงพยาบาลวิมุตติ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี ช่วงไตรมาส3/60 -ไตรมาส4/60 คาดกำไรยังหดตัวเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรับรู้งานต่ำกว่าปีก่อนหลังมีการเลื่อนก่อสร้างงานภาครัฐและเอกชนออกไปเป็นช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

ดังนั้นเพื่อยึดหลักอนุรักษ์นิยม เราจึงขอปรับลดประมาณการกำไรปี 2560 ลงจากเดิม 15.7% แต่ยังคงประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 2561 โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2560 PYLON มีกำไรสุทธิ 162 ล้านบาท หดตัว 5.8%YoY ก่อนพลิกกลับมาโต 27.4%YoY ในปี 2561 จากแนวโน้มรับงานใหม่ที่จะกลับมาสดใสทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู เหลือง ม่วง, งานรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง, ทางด่วน 2 เส้นใหม่, โครงการ One Bangkok และ Mixed-use บนถนนพระราม 9 เป็นต้น

แม้ Backlog ปัจจุบันจะฟื้นตัว แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย Backlog ของบริษัทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเล็กน้อยที่ระดับ 600 ล้านบาท อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันไม่มี Upside หลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 12.00 บาท (อิง PER ที่ 21.8x ซึ่ง +1SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต) เราจึงยังคงแนะนำ “ขาย”

Back to top button