พาราสาวะถี

พูดเหมือนประหนึ่งว่ามีความคืบหน้าแต่สุดท้ายก็ไร้ความคืบหน้าตามเดิม สำหรับปมการหนีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีคนไปถามเพื่อต่อยอดกับ “บิ๊กแดง” พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพราะคำตอบที่ได้คือ ยิ่งลักษณ์หนีออกไปทางพื้นที่กองกำลังบูรพาพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ตามที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ได้ระบุไว้


อรชุน

พูดเหมือนประหนึ่งว่ามีความคืบหน้าแต่สุดท้ายก็ไร้ความคืบหน้าตามเดิม สำหรับปมการหนีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีคนไปถามเพื่อต่อยอดกับ “บิ๊กแดง” พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพราะคำตอบที่ได้คือ ยิ่งลักษณ์หนีออกไปทางพื้นที่กองกำลังบูรพาพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 ตามที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ได้ระบุไว้

ไม่เพียงเท่านั้นภาพสะท้อนของความคืบหน้าอยู่กับที่คือคำยืนยันอันหนักแน่นของบิ๊กแดงที่ว่า บางครั้งไม่ใช่รีบจับใครมาแล้วบอกคนนั้นคนนี้เหมือนเมื่อก่อน จะเห็นว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความรอบคอบในการติดตามเหตุการณ์มากขึ้นก่อนจะสรุป ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็จะถูกตำหนิว่าจับแพะหรือจับแกะอีก จึงขอให้ทุกคนใจเย็น

ก่อนตบท้ายว่า ในไม่ช้าจากการประมวลข่าวเรียบร้อยแล้วเราก็คงจะทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด พร้อมปฏิเสธตอบคำถามที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารช่วยเหลือยิ่งลักษณ์หลบหนีหรือไม่ เหมือนที่บอกไป การคลี่คลายปริศนาเรื่องนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถยืนยันได้ นอกเหนือจากการปรากฏกายของอดีตนายกฯหญิงเพื่อยืนยันเพียงคนเดียวเท่านั้น

แต่เมื่อสถานการณ์ที่ทุกอย่างถาโถมเข้าใส่ฝ่ายผู้มีอำนาจ ปมว่าคสช.ช่วยในการหลบหนีแม้แต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องตอบคำถามนี้แบบหงุดหงิดในหัวใจ ดังนั้น จึงเชื่อในมุมที่ว่ายิ่งลักษณ์ยากที่จะปรากฏตัว จนกว่าจะถึงวันที่ 27 กันยายนอันเป็นวันอ่านคำพิพากษา แต่กระนั้นก็ตาม แม้จะถึงวันนั้นก็ยังไม่มีใครกล้ายืนยันได้ว่าเจ้าตัวจะมีความเคลื่อนไหวใดๆหรือไม่ เพราะการเงียบดูเหมือนว่าจะเป็นอาวุธที่สร้างความระส่ำระสายให้ศัตรูอยู่ไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ยังหาคำตอบเรื่องแหล่งกบดานของยิ่งลักษณ์ไม่ได้ อีกด้านก็มีความชัดเจน ซึ่งมันก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเสียด้วยซ้ำ นั่นก็คือ การที่ป.ป.ช.มีมติยกคำร้องที่จะดำเนินการเอาผิดอดีตนายกฯหญิงในประเด็นความผิดพลาดของการบริหารงานจากเหตุการณ์มหาอุทกภัย น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ด้วยเหตุผลภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

ความจริงแล้วป.ป.ช.ก็ไม่ควรที่จะรับเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาตั้งแต่ต้น เรื่องน้ำท่วมกับจำนำข้าวมันต่างกันอย่างลิบลับในแง่ของตรรกะ เหตุผลและคำอธิบาย พอดำเนินการกันเช่นนี้ สิ่งหนึ่งที่ตามมาแม้ว่าจะมีมติยกคำร้องแสดงออกถึงการพิจารณาที่ยุติธรรม แต่อีกด้านการรับตั้งแต่แรก ก็ทำให้คนมองเห็นแล้วว่า คณะกรรมการในองค์กรนั้นยึดถือหลักการ เหตุผลหรือใช้อคติในการทำงานกันแน่

ส่วนองค์กรนี้จะดีไม่น้อยหากเลขาธิการไม่ได้ชื่อ พลตำรวจเอกชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เพราะข่าวคราวที่ว่าป.ป.ง.ตามยึดทรัพย์ในคดีที่เกี่ยวข้องกับจำนำข้าวได้ถึง 13,000 ล้านบาทคงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี และข่าวเกี่ยวกับคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ที่มี พานทองแท้ ชินวัตร เกี่ยวข้อง คงจะได้รับการชื่นชมจากคนส่วนใหญ่ไม่น้อย

แต่พอเลขาธิการป.ป.ง.เป็นบุคคลดังกล่าวและตัวละครที่ถูกดำเนินการก็ถือเป็นปฏิปักษ์ที่ห้ำหั่นกันมาโดยตลอดในระยะเวลากว่า 10 ปีของความขัดแย้ง มันจึงไปลดทอนคุณค่าของสิ่งที่ดำเนินการไปเป็นอย่างมาก เพราะด้านหนึ่งย่อมมีคนส่วนหนึ่งที่มองว่า กระบวนการทั้งหมดเป็นการเล่นงานกันทางการเมือง เป็นเรื่องของความชอบไม่ชอบในทางส่วนตัว

แน่นอนว่าเป็นสัจธรรมแห่งอำนาจ ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ ใครมีอำนาจย่อมชอบธรรมที่จะดำเนินการในเรื่องหนึ่งเรื่องใด ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนทั่วไปคือเฝ้าดู แล้วให้ทุกอย่างเดินกันไปจนสุดทาง หรือจะเป็นอย่างที่พานทองแท้เคยบอกไปก่อนหน้านี้ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของกรรมของเวร ใครทำกรรมแบบไหนย่อมได้รับแบบนั้น อยู่ที่ว่ามันจะช้าหรือเร็วเท่านั้น

เรื่องป่าชุมชนห้วยเม็ก จังหวัดขอนแก่น ที่มีคนชงให้ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1ลงนามอนุญาตให้บริษัทเอกชนใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจกว่า 31 ไร่ จนเจ้ากระทรวงคลองหลอดต้องสั่งให้มีการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้มีบทสรุปให้ได้ภายใน 15 วันนั้น ความเห็นของ มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง

หากมองถึงพฤติกรรมการกระทำทั้งหมด เราจะเห็นอย่างชัดเจนแยกส่วน ใครโกงใคร ใครหลอกลวงใคร พ่อค้า นักการเมือง ข้าราชการ ที่ก่อให้เกิดปัญหา ซึ่งตามหลักแล้วป่าชุมชนแต่ละจังหวัด 10 ไร่ใช้ทำประโยชน์ อนุญาตเพียง 10 ไร่ก็เกินพอ แต่มากกว่า 10 ไร่ยาวไปถึง 31 ไร่ จากภาพที่เห็นถือว่าไม่ใช่ กระบวนการต้องเริ่มมาจากพื้นที่ ไล่ขึ้นมาเป็นลำดับ ตั้งแต่ ภาคเอกชน ข้าราชการ นักการเมือง

วันนี้บ้านเมืองมีความวุ่นวาย ประชาชนเพียงหวังว่า การเข้ามาของรัฐบาลชุดนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นต้นตอของความวุ่นวายในบ้านเมืองให้ได้รับการแก้ไข ท้ายที่สุดโกงความหวังของประชาชน ความฝันที่ประชาชนตั้งไว้จะต้องหมด และเมื่อปัญหาเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนกับว่าเป็นผู้กระทำการเสียเอง แบบนี้ประชาชนรับไม่ได้ ทำให้ความหวังและการรอคอยของประชาชนต้องเลื่อนออกไปอย่างไร้ความหวัง

ก่อนที่จะตบท้ายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ต้องมาดูว่า ใครเป็นต้นเหตุ พ่อค้า นักการเมือง หรือ ข้าราชการ ที่เป็นตัวต้นเหตุก่อให้เกิดการคอร์รัปชั่นในครั้งนี้ ต้องจับตาดูว่า สิ่งที่ประชาชนฝากความหวังไว้กับรัฐบาล จะออกมาแก้ไขและชี้แจงอย่างไรต่อประชาชน นี่ขนาดคนกันเองยังรับไม่ได้ ต้องดูกันต่อไป บทสรุปของเรื่องจะลงเอยแบบต้องมีผู้รับผิดชอบหรือไม่มีอะไรในกอไผ่

ยกเหตุผลสารพัดสารเพเพื่อที่จะปฏิรูปตำรวจ แต่ถ้อยแถลงของ สมคิด เลิศไพฑูรย์ โฆษกคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจเมื่อวันก่อน จะไปสอบถามความเห็นผู้เกี่ยวข้องรวมไปถึง สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะเลขาธิการกปปส.ซึ่งเคยขัดแย้งกับตำรวจและเคยเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีด้วย ไม่รู้ว่าคิดกันยังไง อย่าลืมถามเรื่องโรงพักร้างที่สร้างไม่เสร็จทั่วประเทศด้วยก็แล้วกัน

อีกอย่างที่ขอถามกลับไปยังคณะกรรมการชุดนี้ ถ้าเทพเทือกเคยขัดแย้งกับตำรวจแล้วจำเป็นจะต้องถาม  งั้นต้องถามตำรวจที่ขัดแย้งกับเทพเทือกด้วยหรือไม่ว่าคิดอย่างไรที่ต้องเผชิญกับผู้นำม็อบมีเส้นที่ทำอะไรก็ไม่ผิด ถ้าคิดได้แค่ชงเองกินเองกันแบบนี้ อย่าหวังว่าการปฏิรูปแวดวงสีกากีจะดีเลิศประเสริฐศรีอย่างที่ฝัน  เพราะแค่ตัวละครที่กำหนดกันไว้ก็รู้เช่นเห็นชาติแล้วว่าอะไรเป็นอะไร

Back to top button