CHEWA มั่นใจปีนี้มีกำไรหลังทยอยรับรู้ Backlog เล็งเพิ่มสัดส่วนแนวราบเป็น 50% ในปี 62

CHEWA มั่นใจปีนี้มีกำไรหลังทยอยรับรู้ Backlog เล็งเพิ่มสัดส่วนแนวราบเป็น 50% ในปี 62


นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการปีนี้จะมีกำไรอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7% แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกจะมีผลขาดทุน 9.15 ล้านบาทก็ตาม เนื่องจากบริษัทยังคงมั่นใจว่าจะทำรายได้ได้ตามเป้าหมายที่ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 50% จากปีที่แล้ว เนื่องจากปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 2,265 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงครึ่งปีหลังได้ราว 1,400 ล้านบาท

ขณะที่บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้อีก 3 โครงการ มูลค่ารวมราว 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการชีวาทัย ทาวน์โฮม คลอง 4 มูลค่า 700 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนกับ บริษัท ชีวา ฮาร์ท จำกัด อีก 2 โครงการ มูลค่าราว 360 ล้านบาท

พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดินใหม่เพิ่มอีก 3 แปลง ในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่า 700-800 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง

“แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาผลประกอบการของเราจะติดลบก็ตาม แต่ก็เป็นผลมาจากตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปี 59 ที่มีสถานการณ์ที่ไม่ปกติ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่าทุก ๆ อย่างปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเป้าหมายรายได้ที่ 2,000 ล้านบาทจะเป็นไปตามแผนหลังเราตุน Backlog ในมือไว้ และเตรียมที่จะโอนในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างต่อเนื่องด้วย”นายบุญ ชุน เกียรติกล่าว

นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า นับต่อจากนี้ธุรกิจของบริษัทจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น จากการดำเนินธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ โดยหันมาพัฒนาโครงการแนวราบ และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบเป็น 50% ภายในปี 62 จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 10% ซึ่งโครงการแรกที่เปิดตัว คือ โครงการชีวารมย์ รังสิต-ดอนเมือง เพิ่งได้รับรางวัล Highly Commended จาก Thailand Property Award 2017 และเริ่มพัฒนาที่ดินย่านพุทธมณฑลสาย 1 เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ รวมถึงมีโครงการย่านคลอง 4 ที่จะพัฒนาเป็นทาวน์โฮมอีกด้วย

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/60 ที่ผ่านมา โดยเห็นได้จากยอดจองเพิ่มขึ้น และปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองว่าความต้องการของที่อยู่อาศัยยังคงมีจำนวนมาก แต่ต้องมีราคาและทำเลที่มีความเหมาะสมด้วยเช่นกัน

ส่วนการเข้าซื้อโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง หรือโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมที่จะพัฒนานั้น ยอมรับว่าเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาก็มีผู้เข้ามายื่นข้อเสนอ ทั้งโรงแรม คอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบ แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปโครงการใด ๆ เลยเพราะยังไม่เหมาะสม

Back to top button