TISCO โบรกฯอัพเป้าเป็น 90 บาท ชู 3 ปัจจัยเด่นหนุนหุ้นน่าเก็บ

TISCO โบรกฯอัพเป้าเป็น 90 บาท ชู 3 ปัจจัยเด่นหนุนหุ้นน่าเก็บ


บล.ธนชาต ระบุในบทวิคราะห์วันนี้(21ก.ย.) ว่า บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เป็นหุ้นธนาคารที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น ด้วย TISCO มีสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมต่อกำไรก่อนตั้งสำรองสูงสุดที่ 54% เทียบกับกลุ่มฯ ที่ 40%

โดยธนาคารให้บริการด้านตลาดทุนอย่างครบวงจร ได้แก่ การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ การบริหารสินทรัพย์ และวาณิชธนกิจ โดยสามรายได้ค่าธรรมเนียมเหล่านี้คิดเป็น 39% ของรายได้ค่าธรรมเนียมรวมซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าธรรมเนียมการบริหารสินทรัพย์ เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลติดใน 5 อันดับแรก และด้วยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 13% เทียบไตรมาสก่อหน้า และ SET ที่ปรับขึ้น 6% จากไตรมาส2/60 TISCO จึงมีแนวโน้มที่จะได้รับค่าธรรมเนียมจากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์รวมทั้งค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

หลัง 3 ปีของการหดตัวลง กดดันโดยสินเชื่อเช่าซื้อที่อ่อนตัวลงอย่างมาก สินเชื่อของ TISCO ก็เริ่มเติบโตที่ 0.8%เทียบเดือนก่อนหน้าในเดือนส.ค.60 ซึ่งได้แรงหนุนหลักจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตแข็งแกร่ง (4.4% m-m) ขณะที่สินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยมีอัตราการเติบโตที่ทรงตัว นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่ดีจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่หดตัวน้อยลงเพียง 0.6% จากเดือนก.ค. อีกด้วย นอกจากนี้การขยายตัวของสินเชื่อรถยนต์แลกเงิน (Car Equity Loan) ที่มากกว่า 3% ยังเป็นบวกอย่างมากต่อ yield และมาร์จิ้นของธนาคารอีกด้วย

เห็นปัจจัยผลักดันการเติบโตของกำไรของ TISCO ที่ชัดเจนอย่างมาก โดยคาดว่าจะเติบโต 15% ในปี 60 และ 13% ในปี 61 และสิ่งที่ดีคือการเติบโตที่แข็งแกร่งไม่ได้อิงกับภาพรวมเศรษฐกิจเหมือนอย่างธนาคารอื่น มองว่าปัจจัยผลักดันในปี 60จะยังคงมาจากต้นทุนที่ลดลงผ่านทางต้นทุนเงินฝากและค่าใช้จ่ายตั้งสำรองพิเศษที่ลดลง

ธนาคารมีแผนที่จะรวมพอร์ตสินเชื่อรายย่อยของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไทย (SCBT) มูลค่า 3.5 หมื่นลบ. (16% สินเชื่อของ TISCO ในไตรมาส2/60) ในต้นเดือนต.ค.ปีนี้ และไม่คาดว่าการควบรวมนี้จะส่งผลบวกในไตรมาส4/60 เพราะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อกิจการ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าการรวม SCBT อย่างเต็มปีจะเป็นปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงานในปี61

ปรับมาใช้ปี 61 เป็นปีฐาน และปรับราคาเป้าหมายขึ้น  6% เป็น 90 บาท/หุ้น ด้วยภาวะการลงทุนที่เอื้อหุ้นที่มีเบต้าสูง ราคาหุ้นของ TISCO จึง underperform ดัชนีกลุ่มธนาคาร และ SET  3% และ 2% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าไม่เหมาะสม เนื่องจาก 1) ธนาคารกำลังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากตลาดทุนที่เฟื่องฟู 2) การฟื้นตัวของสินเชื่อตั้งแต่เดือนส.ค. และ 3) กำไรมีแนวโน้มการเติบโตที่ชัดเจนในช่วงปี 60-61

สำหรับ valuation TISCO นั้นไม่แพง ซื้อขายที่ 2018 PE ที่ 9 เท่า เทียบกับ EPS ที่เติบโตเฉลี่ย 3 ปีที่ 12% ขณะที่การซื้อขายที่ P/BV ที่สูงที่ 1.6 เท่า นั้นมองว่าเหมาะสม เพราะให้ ROE สูงสุดที่ 18% และด้วยมีฐานเงินทุนเหลือเฟือจึงเห็น upside ต่อประมาณการ dividend yield ที่ 5%

Back to top button