WORK กราฟขาขึ้นเสี่ยกุมารทอง

ราคาหุ้นของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาคึกคักนับแต่งบการเงินไตรมาสสองประกาศออกมาว่ามีกำไรสวยงามสวนกระแสหุ้นทีวีดิจิทัลที่เดินหน้าพากันขาดทุนหนักเป็นส่วนใหญ่ แถมยังมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่ามีกำไรสุทธิสูงกว่า บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ  BEC ที่เคยครองความยิ่งใหญ่มายาวนานนับทศวรรษ ก็ยิ่งทำให้ทำราคาน่าสนใจยิ่งขึ้น


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

 ราคาหุ้นของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK เริ่มมีแรงซื้อเข้ามาคึกคักนับแต่งบการเงินไตรมาสสองประกาศออกมาว่ามีกำไรสวยงามสวนกระแสหุ้นทีวีดิจิทัลที่เดินหน้าพากันขาดทุนหนักเป็นส่วนใหญ่ แถมยังมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่ามีกำไรสุทธิสูงกว่า บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ  BEC ที่เคยครองความยิ่งใหญ่มายาวนานนับทศวรรษ ก็ยิ่งทำให้ทำราคาน่าสนใจยิ่งขึ้น

ราคาหุ้น WORK จึงวิ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์เหนือ 85.00 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมา เพราะมีรายงานเมื่อวันที่ 20 กันยายนว่า สองผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างเสี่ยตา และเสี่ยจิก พากันขายหุ้นทิ้งออกมาเท่ากันเหมือนนัดกันไว้พอดี

เสี่ยตาคือ  นายปัญญา นิรันดร์กุล เสี่ยจิกคือ นายประภาส ชลศรานนท์ 

ทั้งคู่ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ถือหุ้น WORK คนละมากกว่า 25.6% โดยคนแรกเป็น ประธานกรรมการ และคนหลังเป็น รองประธานกรรมการ

เสี่ยกุมารทองทั้งคู่พากันขายหุ้นออกไปเท่ากัน รวมแล้วขายออก 16.0 ล้านหุ้น หรือรวมกันเป็นสัดส่วน 3.80% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัท ให้แก่ผู้ลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ในราคา 81.00 บาทต่อหุ้น เป็นการขายให้แก่ผู้ลงทุนในวงจำกัดแบบข้ามคืน (Overnight Bookbuilding Transaction) ผ่านตลาดฯจึงไม่ต้องเสียภาษี ราคาขายต่ำกว่าราคาหน้ากระดานในตลาดฯ ส่งผลให้หุ้นร่วงแรงหลังจากข่าวออกมา เป็นเรื่องปกติ

เช้าวันต่อมา หลังจากการขายหุ้นถูกเผยแพร่ออกไป เสี่ยจิก ออกคำเชิญชวนผ่านไลน์ไปยังเพื่อนๆร่วมก๊วนหลายวงการเชิญชวนให้ร่วมบริจาคทำบุญสร้างเจดีย์ในอินเดีย ของมูลนิธิเวิร์คพอยท์เพื่อการกุศล อันเป็นโครงการมหึมา

ทำเอาเข้าใจกันในเบื้องต้นว่า น่าจะ “ขายหุ้น ไปทำบุญใหญ่” ตามประสาเศรษฐีใหม่ใจบุญ กว่าจะถึงบางอ้อว่า เกี่ยวข้องกันแค่บางส่วน….เพราะมีคำอธิบายทีหลังทันควันว่า ที่ท่านประธานและท่านรองประธาน WORK ขายหุ้นน่ะ ส่วนใหญ่จะเอาไปแปลงสิทธิ WORK-W1 ต่างหาก

เป็นการทำธุรกรรมหากำไรตามปกติ และสร้างมูลค่าหุ้นธรรมดา ของคนจะรวย….ช่วยไม่ได้

คำถามคือ ทำไมต้องเร่งแปลงสิทธิตอนนี้

คำตอบง่ายๆ คือแปลงแล้วได้กำไรด้วยยังไงล่ะ

สูตรง่ายๆ อย่างนี้ หากไม่ใช่เพราะมีกุนซือดีละก็….ตอกย้ำว่าเสี่ยตา และเสี่ยจิกได้พ้นสภาพของนักการตลาดในธุรกิจบันเทิง ก้าวสู่พ่อมดการเงินอีกมุมหนึ่งอย่าง….มีนัยสำคัญ เป็นก้าวย่างที่ไม่ธรรมดาทีเดียว ลองดูข้อมูลแล้วจะเข้าใจ เข้าถึง และซาบซึ้งของเกม 2 เสี่ย

ใบสำคัญแสดงสิทธิ WORK-W1 ออกมาเริ่มเทรดครั้งแรก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558 มีอายุ 4 ปี โดยมีราคาแปลงสิทธิ 38.10 บาท ซึ่งจะครบกำหนดอายุการใช้สิทธิในวันที่ 30 กันยายน 2562 แต่ระหว่างนี้ ก็สามารถใช้สิทธิได้ทุก 3 เดือน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบ 2 ปี ราคาบนกระดานของ WORK-W1 ไม่เคยทะลุเหนือ 30.00 บาทเลย เพิ่งจะทะยานในกลางเดือนกันยายนนี้ตามหุ้นแม่ เหนือ 50.00 บาท ก่อนจะย่อตัวลงมาที่ล่าสุดวันศุกร์ที่ผ่านมา 41.80 บาท

จังหวะนี้ หมายความว่า คนที่ตัดสินใจแปลงสิทธิเป็นหุ้นสามัญ หากว่าราคา WORK-W1 ยังคงเหนือ 41.50 บาทได้ จะมีกำไรแถมพก อีกมากกว่าหุ้นละ 3.00 บาท

แล้วในกรณีของ 2 เสี่ยกุมารทอง ที่ขายหุ้น หาเงินไปจ่ายค่าแปลงสิทธิ WORK-W1 ซึ่งตามข้อมูลที่รายงานตลาดระบุว่าแต่ละคนมีวอร์แรนต์ที่ว่าในมือคนละใกล้เคียงกันคือ เสี่ยตามีอยู่ 5,714,682 หน่วย และเสี่ยจิกมีอยู่ 5,739,437 หน่วย

คำนวณหยาบๆ แล้ว หากทั้ง 2 เสี่ย แปลงสิทธิวอร์แรนต์ทั้งหมดครบจำนวน จะใช้เงินเพียงแค่ คนละ 218 ล้านบาทเศษเท่านั้นเอง 

ยังมีเงินเหลือไปทำบุญสร้างเจดีย์และทำอื่นๆ ได้อีกเยอะแยะคนละกว่า 400 ล้านบาทเศษ เป็นสิทธิส่วนตัว…ห้ามอิจฉา

ที่สำคัญกว่านั้น สัดส่วนหุ้นที่ขายออกไปจนรายงานว่า เหลือแค่คนละ 23.77% จะกลับขึ้นมาที่ระดับคนละ 25% เกือบเท่าเดิม แม้สัดส่วนถือหุ้นจะลดลงจากเดิม แต่รวยกว่าเดิม….เต็มไม้เต็มมือ

งานนี้ ได้ทั้งเงิน ทั้งกล่อง… แถมยังได้บุญก้อนใหญ่ๆ อีก

คนกำลังมีเส้นกราฟชีวิตเป็นขาขึ้น…ก็แบบนี้

งานนี้ เสี่ยปู่ นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล…ผู้ถือหุ้นรายบุคคลอันดับสาม …..ไม่เกี่ยว

อิ อิ อิ

Back to top button