จับตา PSTC ขึ้นชั้นหุ้นเต็มบาท! คนดังแห่ใส่ทุนซื้อ “บิ๊กแก๊ส” หนุนรายได้โตกระฉูด

จับตา PSTC ขึ้นชั้นหุ้นเต็มบาท! คนดังแห่ใส่ทุนซื้อ "บิ๊กแก๊ส" หนุนรายได้โตกระฉูด โบรกฯแนะซื้อ เคาะเป้า 1 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC ประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 265 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 491.34 ล้านบาท เป็นจำนวน 756.34 ล้านบาท

โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,650,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.10 บาทต่อหุ้น จัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement : PP) จำนวน  2,000,000,000 หุ้น ทั้งหมด 23 ราย ในราคาจองซื้อ 0.72 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,440 ล้านบาท เพื่อรองรับการเข้าลงทุนในบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (บิ๊กแก๊ส) ผู้ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมพลังงานและจำหน่ายเชื้อเพลิงประเภทก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง

ทั้งนี้ภายหลังการเพิ่มทุน PSTC จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 41,632,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบิ๊กแก๊สในราคาหุ้นละประมาณ 32.43 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,350 ล้านบาท

โดยที่ประชุมคณะกรรมการได้พิจารณาและเห็นควรอนุมัติให้แบ่งการจองซื้อและชำระราคาหุ้นเพิ่มทุนบิ๊กแก๊สเป็น 2 คราว กล่าวคือ ครั้งที่ 1 จำนวน 24,670,815 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 38.15% ในราคา 800 ล้านบาท และครั้งที่ 2 จำนวน 16,961,185 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20.78% ในราคา 550 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะสามารถดำเนินการซื้อหุ้นเพิ่มทุนบิ๊กแก๊สทั้งจำนวนได้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.2560

สำหรับรายชื่อบุคคลในวงจำกัดที่ได้รับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนมีดังนี้

 

จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน  แนะนำ “ซื้อ” PSTC ให้ราคาเป้าหมาย 1 บาทต่อหุ้น โดยหลังจาก PSTC ได้แจ้งมติพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวนไม่เกิน 2.65 พันล้านหุ้น โดยแบ่งออกเป็น 1.) จำนวน 2 พันล้านหุ้น ที่ราคา 0.72 บาทต่อหุ้น มูลค่ารวม 1.44 พันลบ. ให้แก่นักลงทุน 23 ราย 2.) คงเหลือโควตาหุ้นเพิ่มทุนอีก 650 ล้านหุ้น จะเสนอขายอีกครั้งภายในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือนข้างหน้า

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท บิ๊กแก๊ส เทคโนโลยี จำกัด (ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมพลังงานครบวงจร จำหน่ายเชื้อเพลิง LPG งานรับเหมาติดตั้งและงานซ่อมบำรุงสถานีก๊าซธรรมชาติ + Hidden asset จากสัมปทานท่อส่งน้ำมัน 30 ปี ) มูลค่ารวม 1.35 พันลบ. คิดเป็นสัดส่วน 51% (แบ่งจ่ายรอบแรก 800 ล้านบาทและ 550 ล้านบาท) และใช้คืนหนี้สถาบันการเงิน โดยมีกำหนดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติวันที่ 56 พ.ย.53 และคาดว่าการเสนอขายหุ้น PP จะแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค. 53

ทั้งนี้ผลจากการขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ 2 พันล้านหุ้น (หุ้นเดิมจำนวน 6.67 พันล้านหุ้น) จะทำให้เกิด Dilution effect เท่ากับ -75.5% (ยังไม่นับรวมอีก 650 ล้านหุ้น) อย่างไรก็ตาม จะเกิดผลดีต่อ PSTC แบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1.) ในเบื้องต้นจะนำเงินไปใช้คืนหุ้นกู้ระยะสั้นเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกระแสเงินสด

2.) หากย้อนดูผลประกอบการปี 59 ของ BIGGAS พบว่ามีรายได้รวม 861 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 17 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด ประกอบกับ ต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงและที่ปรึกษามืออาชีพของ PSTC จึงคาดกำไรสุทธิในปี 60 จะเติบโตสูงแตะที่ 40 ล้านบาท เท่ากับกำไรส่วนเพิ่มเข้า PSTC ราว 20 ล้านบาทต่อปี

3.) มีสัญญาเข้าซื้อหุ้นบริษัท ไทย ไปป์ ไลน์ เน็ตเวิร์ค (TPN) เพื่อลงทุนในโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากสระบุรี-ขอนแก่น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำ EIA ระยะทางท่อทั้งหมด 350 กิโลเมตร ซึ่งบล.โนมูระ พัฒนสิน ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม พบว่าเป็นโครงการประเภทเดียวกับท่อน้ำมันส่งขึ้นสู่ภาคเหนือของ FPT (BAFS) ที่ PTG เข้าซื้อไป 9.5% เมื่อปี 59 มูลค่าโครงการ 7.8 พันลบ.

โดยหากสมมติฐานเป็นตามข่าวจริงจะพลิกภาพธุรกิจของ PSTC ครั้งใหญ่ เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะสร้างฐานกำไรจาก Recurring income จากธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อ ทำให้สัดส่วนรายได้ของ PSTC เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้อ้างอิงจากผลการศึกษาของ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือ BAFS จากการประกาศผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ (set.or.th) เมื่อวันที่ 10 ก.พ.59 เรื่อง การลงทุนโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือของบริษัท FPT เม็ดเงินลงทุน 7.76 พันลบ. โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นควร อนุมัติ การลงทุนในโครงการนี้

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบรายละเอียดของโครงการที่แน่ชัด จึงคาดว่าหลังการประชุมผู้ถือหุ้นหรือ EGM ที่จะจัดขึ้นวันที่ 14 พ.ย.60 จะมีการเปิดเผยข้อมูลที่มีความชัดเจนมากขึ้นและหลังจากนั้น จึงจะสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงของโครงการที่จะรับรู้เข้ามาในส่วนของ PSTC ได้

ดังนั้นจึงต้องรอความชัดเจนและรายละเอียดของแผนธุรกิจ BIGGAS และบริษัทไทย ไปป์ ไลน์อีกครั้งหนึ่ง หลังการประชุมผู้ถือหุ้น 56 พ.ย.53 ในเบื้องต้นมีมุมมองเชิงบวกต่อการ Synergy ระหว่างธุรกิจพลังงานแบบดั้งเดิม (ท่อน้ำมันและขายแก๊ส) กับพลังงานทดแทน (Solar & ชีวมวล) ซึ่งจะสร้างฐานกำไรใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดให้ PSTC ในระยะยาว และมี Recurring income ที่มั่นคงต่อเนื่องก้าวสู่ผู้ผลิตพลังงานครบวงจรเต็มตัว

โดยกระทรวงพลังงานมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริม การขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรองรับการขยายตัวด้านการใช้น้ำมันของภูมิภาคดังกล่าวส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งน้ำมัน ซึ่งมีต้นทุนการขนส่งที่แข่งขันกับขนส่งทางรถบรรทุกและรถไฟได้ ช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ลดอุบัติเหตุ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทย ก้าวสู่ศูนย์กลางพลังงานของภูมิภาค

ที่ผ่านมามีการเซ็นสัญญา MOU ระหว่างภาครัฐและเอกชนไปแล้ว 2 เส้นทาง คือ ภาคเหนือซึ่งบริษัทย่อยของ BAFS (FPT) เป็นผู้รับสิทธิ และช่วงที่ผ่านมา PTG ได้ เข้าร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว สัดส่วนถือหุ้น 9.5% มูลค่า 740 ลบ.

ขณะที่อีกเส้นทางคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN เป็นผู้รับสิทธิ) โดยเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 59 นาย วิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ได้ลงนาม MOU กับ บริษัทไปป์ ไลน์ เน็ตเวิร์ค (TPN) เพื่อวางท่อขนส่งน้ำมันไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 63

โดยจะทำการต่อขยายท่อน้ำมันจากระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อที่มีอยู่เดิมของบริษัท ท่อส่งปิ โตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) ที่คลังน้ำมันอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี ไปยังคลังน้ำมันที่จังหวัดขอนแก่น เป็นระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

อนึ่งราคาหุ้น PSTC เมื่อวันที่ 22 ก.ย.60 อยู่ที่ 0.84 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 2.44% สูงสุดที่ 0.58 บาท ต่ำสุดที่ 0.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 209.02 ล้านบาท

Back to top button