“3 หุ้นส่งออกตัวจี๊ด” รับบาทอ่อน

ค่าเงินบาทระยะนี้กลับมาอ่อนค่า ล่าสุดเป็น 33.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสัปดาห์ก่อนที่ 33.09 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าในช่วงนี้ ตามที่นางเยลเลน ประธาน FED ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยไม่รออัตราเงินเฟ้อว่าจะต้องถึงเป้าก่อน


เส้นทางนักลงทุน

ค่าเงินบาทระยะนี้กลับมาอ่อนค่า ล่าสุดเป็น 33.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสัปดาห์ก่อนที่ 33.09 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าในช่วงนี้ ตามที่นางเยลเลน ประธาน FED ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยไม่รออัตราเงินเฟ้อว่าจะต้องถึงเป้าก่อน

ด้วยเงินบาทที่มีแนวโน้มกลับมาอ่อนค่าดังกล่าวข้างต้นนับเป็นผลดีต่อหุ้นส่งออก โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงจากที่ยังมีส่วนต่างระหว่างรายได้หักต้นทุนในรูปดอลลาร์ “กล่าวคือ เงินบาทแข็งจะกดดันประสิทธิภาพทำกำไรลดลง ตรงกันข้ามเงินบาทอ่อนตัวจะหนุนการทำกำไร”

ที่สำคัญในงวดไตรมาส 3/60 เข้าสู่ฤดูกาลส่งออก ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจแรกๆ เป็นหุ้นชิ้นส่วนฯ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่เติบโตตามเทคโนโลยีใหม่ๆ ในโลกดิจิทัล ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ สมาร์ทโฟน โทรคมนาคม  (4G LTE) และเทคโนโลยี Internet of things (IoT) เป็นต้น

สะท้อนได้จากข้อมูลของ North America Semi Bullings Report (ความต้องการชิ้นส่วนของโลก) เดือน ก.ค. อยู่ที่ 2.27 พันล้านดอลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่อ่อนตัวเล็กน้อย 1.4% จากเดือน มิ.ย. 2560  ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มองหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงในภาวะนี้ คือ บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและส่งออกชิ้นส่วนหลากหลาย ทั้งกลุ่มยานยนต์  สมาร์ทโฟน และ ฉลากอัจฉริยะ (RFID) เป็นฉลาก หรือ บาร์โค้ด ที่ใช้แกนในการทำธุรกรรมต่างๆ  พร้อมยังสามารถบันทึกข้อมูลไว้ใช้ประโยชน์ได้  ประเมินว่างวดไตรมาส 3/60 จะสูงสุดของปีนี้ และทั้งปีจะเติบโต 24%  แต่อาจจะลดลงเหลือเติบโตเพียง 9% ในปีหน้า แต่ถือว่ายังเติบโตเท่ากับตลาด คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 53 บาท

ทางด้านหุ้นกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร เช่น บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกไก่ ซึ่งกำลังเข้าสู่ฤดูกาลงวดไตรมาส 3/60 น่าจะหนุนราคาไก่ปรับสูงขึ้นจากปัจจุบันสู่ระดับ 40 บาท/ก.ก. ในงวดครึ่งหลังของปี 60  ขณะที่ราคาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวโพดและกากถั่วเหลืองยังทรงตัวต่ำต่อเนื่องจากงวดไตรมาส 1/60 เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองยังออกสู่ตลาดมากขึ้น  แนวโน้มกำไรสุทธิปี  2560 จะเติบโต 15.8% แต่จะอ่อนตัวลงเหลือ 7.0% ปี 2561 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท

รวมถึง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)  หรือ CPF ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกเนื้อสัตว์ อาทิ ไก่ , เป็ด ,หมู , กุ้ง  มีแนวโน้มทำกำไรที่ดีขึ้นในงวดไตรมาส 3/60 จากที่ชะลอตัวในงวดไตรมาส 2/60 จากผลกระทบของธุรกิจสุกรในเวียดนาม แต่เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นขณะนี้ โดยพบว่าราคาสุกรในเวียดนามเริ่มทยอยฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดที่ลงไปแตะ 2 หมื่นดอง/ก.ก. โดยล่าสุดเพิ่มขึ้นมาที่ 3.3 หมื่นดอง/ก.ก. (เทียบเท่า 50 บาท/ก.ก.) เพิ่มขึ้นถึง 60% เทียบกับเดือนก่อน จากการที่จีนเริ่มทยอยเปิดด่านการค้าชายแดน

ทำให้มีช่องทางระบายสุกรออกจากเวียดนาม คาดกำไรจากการดำเนินงานปี 2561 จะพลิกกลับมาเติบโตถึง 33.5% จากที่หดตัวในปี 2560  จากการฟื้นตัวของธุรกิจสุกรในเวียดนาม  การส่งออกไก่ยังสดใส และอุตสาหกรรมกุ้งในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 29.40 บาท

หุ้นดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างที่นักวิเคราะห์มองว่าจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า!!

Back to top button