3 วันดี 4 วันไข้

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงวนเวียนอยู่ในรูปแบบเดิมๆ เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง ยิ่งออกแรงพายมากเท่าไหร่ก็วนกลับมาที่เดิมเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะอาการขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีที่ปรับตัวขึ้นแรงแต่วันต่อมาก็ออกอาการเป๋ปรับตัวลงมาเท่าเดิม ล่าสุดดัชนีพุ่งมาปิดที่ 1,673.16 จุด ปรับตัวขึ้น 6.80 จุด หรือ 0.41% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่า 5.70 หมื่นล้านบาท


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงวนเวียนอยู่ในรูปแบบเดิมๆ เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง ยิ่งออกแรงพายมากเท่าไหร่ก็วนกลับมาที่เดิมเร็วขึ้นเท่านั้น เพราะอาการขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีที่ปรับตัวขึ้นแรงแต่วันต่อมาก็ออกอาการเป๋ปรับตัวลงมาเท่าเดิม ล่าสุดดัชนีพุ่งมาปิดที่ 1,673.16 จุด ปรับตัวขึ้น 6.80 จุด หรือ 0.41% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่า 5.70 หมื่นล้านบาท

*สาเหตุของการปรับตัวขึ้นแรงในวันสุดท้ายของไตรมาส 3 คงต้องยกความดีความชอบให้กับกองทุนตัวแสบ ที่เข้ามาทำราคาหุ้นก่อนปิดงวดไตรมาส โดยล่าสุดเก็บหุ้นไทยไปกว่า 1.84 พันล้านบาท หลังจากวันก่อนหน้าเทกระจาดหุ้นไทยจนหนำใจไปกว่า 1.16 พันล้านบาท การกระทำดังกล่าวคงไม่มีคำไหนจะอธิบายได้ดีเท่ากับคำว่าตบหัวแล้วลูบหลังอีกแล้วล่ะเจ้าค่ะ

*กรณีดังกล่าวดันไปคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อปี 59 ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงถึง 11 จุดก่อนถึงวันปิดไตรมาส 3 จากความเห็นที่ว่าเป็นการเข้าทำราคาหุ้นจากปรากฏการณ์ “Window Dressing แต่วันต่อมาดัชนีกลับทรุดลงมากว่า 8 จุด การปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์นั้น “โมนิก้า” มองว่าเป็นเหมือนกองไฟหลอกล่อให้เข้าไปติดกับ พอเผลอเมื่อไหร่ก็เทขายหุ้นออกมาแบบไม่ยั้ง เดี๊ยนถึงอยากให้นักลงทุนเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดยังไงล่ะเจ้าค่ะ

*วันนี้ขอพุ่งเป้าไปในรายของ  AJA กับประเด็นร้อนๆ สักนิด บอกเลยว่าไส้แตก…หลังจากวันศุกร์ราคารูดติดฟลอร์ตั้งแต่เปิดตลาดหลังปลด SP ร่วง 29.66% มาอยู่ที่ 0.83 บาท ลดลง 0.35 บาท มูลค่าซื้อขาย 748.88 ล้านบาท มูลเหตุเกิดจากการส่งงบ Q1-Q2/60 ที่ขาดทุนอ่วม ที่สำคัญมีปรับโครงสร้างหนี้ บริษัทย่อยธุรกิจตู้เติมเงินพร้อมขายหุ้น ดูๆ แล้วงานนี้คงจบไม่ค่อยสวยแน่ๆ เพราะอาจเห็นจุดจบของสองผู้ถือหุ้นใหญ่ลักษณะ น้ำแยกสาย ไผ่แยกกอ เจ้าค่ะ

*เห็นแล้วเสียวแทนสำหรับ ESSO ที่ยังดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 วันซ้อน ปิดที่ 13.50 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไปถึง 10.66% ด้วยมูลค่า 2.46 พันล้านบาท เรียกได้ว่าฉีกทุกกฎทะลุทุกแนวต้านได้อย่างง่ายดาย เห็นรูปแบบการขึ้นแบบนี้ หากไม่ใช่การเข้าเก็บหุ้นเก็งงบไตรมาส 3 ที่มีแววออกมาดี “โมนิก้า” ก็ไม่ขอคอนเฟิร์มว่าหุ้นจะวิ่งต่อได้อีกไกลแค่ไหน แต่อย่าลืมว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว หากไม่ระวังตัววิ่งไปชนยอดดอยจะหาว่าไม่เตือนกันไม่ได้นะเจ้าค่ะ

*กลุ่มที่ยังต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นกลุ่มเดินเรือที่ออกอาการเป๋ หลังดัชนี BDI อยู่ในช่วงปรับฐานระยะสั้น ส่งผลให้หุ้น PSL ลงมาปิดที่ 11.30 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือ 5.04% ด้วยมูลค่า 215.84 ล้านบาท ส่วนในรายของ RCL ย่อตัวลงมาปิดที่ 7.80 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือ 0.64% ด้วยมูลค่า 16.04 ล้านบาท “โมนิก้า” มองการอ่อนตัวลงในรอบนี้เป็นโอกาสในการเข้าเก็บหุ้นของคนที่มีความอดทนสูงเพื่อรอการกลับมาของ BDI ที่จะเกิดขึ้นในไตรมาส 4 ลองมองดูปัจจัยหนุนแล้วการกลับมารอบใหม่อาจจะไม่ธรรมดานะเจ้าค่ะ…อิอิ

*หุ้นอีกกลุ่มที่ดูเหมือนจะเนื้อหอมเป็นพิเศษในช่วงนี้เป็นกลุ่มโรงแรม โดยเฉพาะ ERW ที่วิ่งแรงต่อเนื่อง ล่าสุดกระชากมาปิดที่ 6.65 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 5.56% ด้วยมูลค่า 269.29 ล้านบาท รับปัจจัยหนุนนักท่องเที่ยวจีนทะลักไปเต็มๆ แถมช่วงสัปดาห์นี้ (1-7 ต.ค.) เป็นวันชาติจีนยิ่งเป็นแรงเสริมที่จะช่วยหนุนให้หุ้นโรงแรมคึกกันไปอีก นอกเหนือจากที่เดี๊ยนยกตัวอย่างมายังมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ข่าวดีเข้ามาหนาหูแบบนี้จะเห็นหุ้นกลุ่มนี้วิ่งแรงแซงทางโค้งก็ไม่ต้องแปลกใจนะเจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ MALEE ตอบรับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าไปเต็มเหนี่ยว เพราะมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศสูงถึง 40% ส่งผลให้ราคาหุ้นกระชากตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 39 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 8.33% ด้วยมูลค่า 243.81 ล้านบาท ด้านสัญญาณเทคนิคถือเป็นขาขึ้นรอบใหม่ ใครไม่อยากตกขบวนรอบนี้รีบตัดสินใจกันนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าเดี๊ยนมีของดีแล้วไม่บอก

*แวะมาหุ้นค้าปลีกอย่าง HMPRO ยังจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบ ราคาหุ้นขยันทำนิวไฮ ล่าสุดกระชากมาปิดที่ 12.20 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือ 7.96% ด้วยมูลค่า 938.59 ล้านบาท หลายคนเห็นสัญญาณเทคนิคแล้วเริ่มจะเสียวไส้เพราะเข้าเขตซื้อมากเกินไป แต่ “โมนิก้า” มองว่าสตอรี่หุ้นตัวนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการจับจ่ายใช้สอยที่กลับมาฟื้นตัว แถมด้วยการปรับกลยุทธ์ใหม่ เห็นแบบนี้แล้วขาช้อปอย่าเพิ่งขวัญผวาจนหนีไปก่อนล่ะจ๊ะ

*ตบท้ายกันด้วยหุ้นชิ้นส่วนรถยนต์อย่าง ASAP ที่ราคาหุ้นทำให้นักลงทุนรายย่อยที่เข้าเก็บหุ้นในภาคเช้าต้องตื่นเต้น แบบใจหายวาบ เหตุจากช่วงบ่าย 3 โมง 15 นาทีถึง 4 โมง เกิดอาการเจ้าออก ทำให้ราคาหุ้นลงมาแถบๆ 7.50 บาท แต่เมื่อใกล้ปิดตลาดกลับมีไอ้โม่งที่ไหนไม่รู้มารับไม้ต่อสุดท้ายไป 9 หมื่นหุ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.80 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.30% งานนี้ “โมนิก้า” บอกเลยว่าเป็นการสอนมวยพวกชอบทุบหุ้นเจ้าค่ะ…อิอิ

Back to top button