โอเวอร์แอคติ้ง

*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง เพียงระยะเวลาแค่ 2 วันดัชนีปรับตัวขึ้นถึง 22 จุด มาปิดที่ 1,688.64 จุด แต่การปรับตัวขึ้นในครั้งนี้กลับไม่ได้ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกตื่นเต้น หลังจากเห็นกองทุนตัวแสบเก็บหุ้นอย่างทะลักทะลวง โดยการเก็บหุ้นรอบนี้มองเป็นเหตุผลอื่นไม่ได้นอกจากการเข้าซื้อก่อนเปิดขายกองทุน LTF-RMF ช่วงปลายปี จากเจตนาเข้าทำราคาหุ้นให้ผลงานดูดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าพอถึงไตรมาส 1 ของปีถัดไปก็จะกระหน่ำขายหุ้นออกมา เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเพียงแค่ “มันนี่เกม” ที่เห็นจนชิน ทำให้เดี๊ยนไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการขึ้นรอบนี้ยังไงล่ะจ๊ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่อง เพียงระยะเวลาแค่ 2 วันดัชนีปรับตัวขึ้นถึง 22 จุด มาปิดที่ 1,688.64 จุด แต่การปรับตัวขึ้นในครั้งนี้กลับไม่ได้ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกตื่นเต้น หลังจากเห็นกองทุนตัวแสบเก็บหุ้นอย่างทะลักทะลวง โดยการเก็บหุ้นรอบนี้มองเป็นเหตุผลอื่นไม่ได้นอกจากการเข้าซื้อก่อนเปิดขายกองทุน LTF-RMF ช่วงปลายปี จากเจตนาเข้าทำราคาหุ้นให้ผลงานดูดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าพอถึงไตรมาส 1 ของปีถัดไปก็จะกระหน่ำขายหุ้นออกมา เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเป็นเพียงแค่ “มันนี่เกม” ที่เห็นจนชิน ทำให้เดี๊ยนไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการขึ้นรอบนี้ยังไงล่ะจ๊ะ

*เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ต้องย้อนกลับมามองพื้นฐานของหุ้นไทยเป็นหลัก เพราะสุดท้ายแล้วตลาดหุ้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐาน ไม่มีทางที่จะขึ้นได้ด้วยมันนี่เกม นอกจากนี้ยังต้องอาศัยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นตัวบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นขณะนี้มันดีจริงๆ อย่างที่เขาว่าไว้หรือเปล่า หากข้อมูลทั้งหมดยังไม่น่าสนใจพอ การปรับขึ้นครั้งนี้อาจจะเป็นเพียงการเรียกแขกเท่านั้น อีกจุดที่น่าจับตาเห็นจะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี หากฝรั่งขี้นกไม่เข้าเก็บหุ้นเท่ากับว่าตลาดหุ้นไทยขาดเสน่ห์โดยสิ้นเชิง ของแบบนี้จึงต้องติดตามเป็นช็อตต่อเนื่องเจ้าค่ะ

*ถามว่าทำไม “โมนิก้า” ถึงออกอาการกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นดัชนีวิ่งแรงแบบออกหน้าออกตาเสียเหลือเกิน เหตุผลมันก็เป็นเพราะพื้นฐานของหุ้นไทยที่ตอนนี้ยังคงร่อแร่ แต่ดัชนีกลับวิ่งขึ้นไปแบบ “โอเวอร์แอคติ้ง” เห็นทีจะมีแค่รายย่อยที่เริ่มเป็น “นกรู้” เร่งออกของขายหุ้นไทยตั้งแต่เนิ่นๆ ล่าสุดขายหุ้นไทยไป 4.60 พันล้านบาท ขณะที่ปอบผีฟ้ายังกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าออกตัวแรง เห็นแบบนี้เดี๊ยนถึงอยากให้ใช้วิจารณญาณกันเอาเองนะเจ้าค่ะ

*กรณีดังกล่าวเห็นได้ชัดจากการที่หุ้นใหญ่อย่าง ADVANC ที่ยังย่ำอยู่ที่ 191 บาท ทรงตัวจากวันก่อน ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.58 พันล้านบาท ถึงแม้ว่าดัชนีจะวิ่งแรงแซงทางโค้งไปถึงไหนต่อไหน เป็นเครื่องมือบ่งบอกได้ดีว่าพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่หลายคนคิดไว้ ในเมื่อหุ้นบลูชิพยังไม่มีทีท่าว่าจะอัพเกรดขึ้นตามดัชนีมันก็บ่งบอกอะไรได้หลายๆ อย่าง เพียงแต่จะต้องมองให้ออกเท่านั้นเจ้าค่ะ

*เหมือนกับหุ้นธนาคารอย่าง TMB ที่ปรับตัวลดลง มาปิดที่ 2.50 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือ 0.79% ด้วยมูลค่า 598.12 ล้านบาท การปรับตัวลงสวนภาวะดัชนีในรอบนี้ดูจะขัดกับผลประกอบการไตรมาส 3/60 ที่เหล่านกรู้ วาดฝันเอาไว้ว่าจะออกมาสวยแจ่มอย่างแน่นอน แต่ของอย่างงี้ เดี๊ยนว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หากของเขาดีจริงๆ ต้องมีสักวันที่เป็นของเรา จริงไหมเจ้าค่ะ?….อิอิ

*อีกรายที่ยังหนีไม่พ้นมรสุมต้องยกให้ AJA ที่การซื้อขายภาคเช้าดูเหมือนจะเลวร้ายถึงขั้นรูดไปติดฟลอร์รอบ 2 หลังจากที่กลับเข้าซื้อขายวันแรกถูกถล่มไปจนอ่วม  แต่งานนี้ไม่ได้จบแบบที่คิด เพราะการซื้อขายก่อนปิดตลาดดันมีไอ้โม่งเข้าเก็บหุ้นแบบทะลักทะลวง หนุนให้ราคาหุ้นลดช่วงลบลงจนมาปิดตลาดที่ 0.69 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือ 16.87% ด้วยมูลค่า 1.37 พันล้านบาท การเข้าเก็บหุ้นในรูปแบบนี้ เดี๊ยนว่าน่าจะมีช็อตเด็ดหนังดังให้ติดตามออกมาเรื่อยๆ แน่นอนเจ้าค่ะ

*มากันที่ประเด็นข่าวดีๆ ของหุ้นบลูชิพชูโรงวันนี้ อย่าง PTT ล่าสุดกระชากมาปิดที่ 418 บาท บวกไป 10 บาท หรือ 2.45% ด้วยมูลค่า 3.15 พันล้านบาท ไล่เรียงมาตั้งแต่กระแสราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ผ่านจุดต่ำสุด พ่วงด้วยกำไรจากธุรกิจก๊าซที่มีแนวโน้มดีขึ้น “โมนิก้า” มองดูแล้วราคาหุ้นอยู่ในทิศทางขาขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานล้วนๆ เป็นการการันตีได้ว่าของดีมีแวลูนั่นล่ะเจ้าค่ะ

*ในรายของหุ้นตัวเล็กอย่าง TCMC ที่เริ่มฟื้นขึ้นมาจากหลุม หลังอ่อนตัวมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาหุ้นลากไปปิดที่ 4.02 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือ 5.79% ด้วยมูลค่า 155 ล้านบาท ประเด็นเด็ดของหุ้นตัวนี้มันอยู่ตรงที่การเข้าซื้อกิจการพรมในฮ่องกงที่จะหนุนรายได้ขึ้นไปแตะระดับหมื่นล้านภายใน 2 ปี หากดีลนี้สำเร็จขึ้นจริงไม่ใช่แค่การพ่นน้ำลาย จะถือเป็นการแจ้งเกิดทันที ใครไม่อยากพลาดของดีคงต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดนะเจ้าค่ะ

*ด้าน NNCL ที่ราคาแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ล่าสุดกระชากมาปิดที่ 1.40 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือ 6.06% ด้วยมูลค่า 54.85 ล้านบาท ทำนิวไฮในรอบ 1 ปี โดยมีสตอรี่หนุนหลังจากทุ่มงบ 3 พันล้านบาท เข้าลงทุนโรงไฟฟ้าเฟส 2 ขนาด 60 MW บวกกับช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นยังถือว่าไม่แพง เทรดบนค่า  P/BV ไม่ถึง 1 เท่า เป็นที่รู้กันว่าราคาหุ้นในลักษณะนี้ยังมีโอกาสทะยานขึ้นไปได้อีกไกลเจ้าค่ะ

*ตบท้ายกันด้วยหุ้นโรงกลั่นอย่าง BCPG ที่ทะยานขึ้นมาปิดที่ 20.20 บาท บวกไป 0.90 หรือ 4.66% ด้วยมูลค่า 954.20 ล้านบาท ทางเทคนิคเริ่มเห็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นรอบใหม่ หลังย่ำฐานมาสักระยะ รูปแบบการปรับขึ้นในลักษณะนี้ “โมนิก้า” มองว่าหุ้นน่าจะไปได้ต่อได้แบบยาวๆ แถมด้วยพื้นฐานยังแน่นเปรี๊ยะ ทั้งงานราษฎร์งานหลวงไหลมาเทมาไม่ขาดสาย เข้าประโยคที่ว่าคุณค่าที่คุณคู่ควร…อิอิ

Back to top button