IVL เข้าซื้อกิจการ “DuraFibe” เสริมแกร่ง เดินหน้ารุกตลาดยานยนต์ในเม็กซิโก

IVL เข้าซื้อกิจการ “DuraFibe” ผู้ผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ในเม็กซิโก ชี้ธุรกิจยานยนต์มีโอกาสโตแกร่ง


นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ (IVL) เปิดเผยว่า บริษัทได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการบริษัท DuraFiber Technologies Mexico Operations, S. A. DE C. V. (Durafiber) ผู้ผลิตด้านสิ่งทอเทคนิคที่มีความแข็งแกร่งสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์สำหรับเสริมแรงยางรถยนต์และการใช้งานพิเศษอื่นๆ ชั้นนำในประเทศเม็กซิโก หลังจากได้ประกาศเข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องอย่างมากกับกลยุทธ์ของบริษัทในการสร้างการเติบโตเพิ่มเติมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ในกลุ่มยานยนต์ โดยบริษัท Durafiber เป็นผู้ผลิตสิ่งทอสำหรับยางในรถยนต์เพียงรายเดียวในประเทศเม็กซิโก และมีฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการยอมรับจากลูกค้า ซึ่งเป็นบริษัทยางรถยนต์ระดับโลก

โดยการเข้าซื้อกิจการบริษัท Durafiber ช่วยขยายความกว้างของกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยสำหรับยางในรถยนต์และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทในการใช้ประโยชน์จากขนาดและสินทรัพย์ของบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก เพื่อสร้างการเกื้อหนุนทางธุรกิจและเข้าถึงโอกาสในการเติบโตที่มีอยู่อย่างมากมาย โดยจากการประมาณการ ตลาดเส้นใยสำหรับยานยนต์มีเติบโตในอัตราเฉลี่ยสะสมต่อปีประมาณ 5-6% ในช่วงปี 60-64 และมีมูลค่าตลาดโดยรวมกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ Durafiber ได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว IVL ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นที่ได้เสริมความแข็งแกร่งของเราในตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วอย่างเม็กซิโกและอเมริกา รวมถึงส่งเสริมความเป็นผู้นำของ IVL ในตลาดยานยนต์เพิ่มเติม ซึ่งเป็นตลาดที่เรามองเห็นโอกาสอย่างมหาศาล การเข้าซื้อกิจการ Durafiber ทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการตอบสนองความต้องการการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าในตลาดเส้นใยยานยนต์ และขยายความสามารถในการให้บริการเพื่อนำเสนอบริการที่ดีที่สุดในตลาดให้แก่ลูกค้า” นายโลเฮีย กล่าว

นายโลเฮีย กล่าวอีกว่า การนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรม ประกอบกับการบูรณาการของความสามารถด้านวิจัยและพัฒนา ตลอดจนโรงงานที่มีอยู่ทั่วโลก ถือเป็นบริการที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยความแตกต่างในด้านคุณค่าที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้า จะเอื้อประโยชน์อย่างมากต่อลูกค้าและขับเคลื่อนบริษัทไปสู่การเติบโตตามยุทธศาสตร์ในระยะต่อไปในฐานะพันธมิตรชั้นนำด้านเส้นใยสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์

ทั้งนี้ บริษัทยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงและสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA ซึ่งส่งผลอย่างชัดเจนและเป็นการวางตำแหน่งที่ดีสำหรับบริษัทในการจับโอกาสทางธุรกิจและการเกื้อหนุนทางธุรกิจที่มีอยู่ย่างมหาศาล ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทเข้าซื้อโรงงานทั้งหมด 39 แห่ง ในจำนวนนั้นเป็นโรงงานที่อยู่ในธุรกิจ HVA 29 แห่ง

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA มีการเติบโต คิดเป็นร้อยละ 50 ของกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ซึ่งมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคต ทั้งในเรื่องกลุ่มตลาดที่มีการกระจายตัวอยู่ทั่วโลกและแหล่งรายได้ที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนา ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทั้งรายได้และผลกำไร รวมทั้งส่งมอบผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท

Back to top button