CRD หุ้นสังหาฯ mai ตัวแรกในรอบ 10 ปี ลุ้นเทรดวันแรกแตะ 2 บาท

CRD หุ้นสังหาฯ mai ตัวแรกในรอบ 10 ปี ลุ้นเทรดวันแรกแตะ 2 บาท มั่นใจปีนี้โกยกำไรทะลุ 42.5 ล้านบาท พร้อมตุนแบ็กล็อกอีกกว่าพันล้าน ลุยประมูลงานใหม่เต็มสูบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (5 ต.ค.) บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) หรือ CRD เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ในราคา IPO 1.44 บาท ซึ่งมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน โดยมีจำนวนหุ้นที่จดทะเบียนกับ ตลท. และจำนวนหุ้นชำระแล้ว 500 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 250 ล้านบาท

ด้านนายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ CRD เปิดเผยว่า เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากราคาหุ้น IPO ที่ 1.44 บาท/หุ้น ถือว่าให้ส่วนลดถึง 30% ขณะเดียวกันแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ก็จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าระดับ 42.5 ล้านบาทในปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตมาที่ 1.5 พันล้านบาท

อีกทั้ง บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 1 พันล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะงานของภาครัฐที่ส่วนใหญ่จะออกมาให้ประมูลในช่วงไตรมาส 4 และ ไตรมาส 1 ค่อนข้างมาก โดยบริษัทคาดว่าจะได้งานมูลค่าราว 300-500 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/60

เราเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเรามีทิศทางการเติบโตที่ดีมาตลอด และในปีนี้ก็เป็นปีที่เราคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และเราก็จะยังเติบโตไปในทิศทางแบบนี้อีกหลายปีเพราะภาครัฐยังมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆอีกมาก” นายธีรพัฒน์ กล่าว

ส่วนนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท  โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า CRD นับเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างตัวแรกที่เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ทำให้การเดินสายนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ใน 13 จังหวัดที่ผ่านมา ได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอข้อมูลเป็นจำนวนมาก

รวมถึงการนำเสนอข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่การตลาดและนักวิเคราะห์ผ่านทางบริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจถึงธุรกิจของบริษัท และเห็นโอกาสการเติบโตทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต รวมถึงวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่พยายามสร้างการเติบโตมาโดยตลอด ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นหุ้นที่มีคุณภาพและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน

ขณะที่นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ ของ APM กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมไปถึงโครงการต่อเนื่องต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการก่อสร้างของภาคเอกชนด้วย ทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างมีโอกาสขยายตัวและรับงานในโครงการต่างๆ ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ CRD เป็นบริษัทที่มีคุณสมบัติที่สามารถรับงานจากภาครัฐได้ และจากประสบการณ์ที่สามารถรับงานก่อสร้างได้หลากหลายประเภท จึงถือว่าจุดเด่นสำคัญที่ทำให้มีโอกาสได้รับงานมากขึ้น ส่วนงานก่อสร้างของภาคเอกชน  CRD ก็ได้รับความเชื่อมั่น และความไว้วางใจจากลูกค้า โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคเหนือ

อนึ่ง CRD ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารสิ่งปลูกสร้างทั่วไปประเภทต่าง ๆ และการรับเหมาก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภค ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด และนับเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดกลาง สามารถรับงานได้ครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือตอนบน ที่ CRD ถือได้ว่าเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างอันดับต้น ๆ ที่ได้รับเลือกให้ดำเนินงานรับเหมา

สำหรับผลประกอบการประจำปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 42.49 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/60 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.51 ล้านบาท ลดลง 51.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.50  ล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรก บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.26 ล้านบาท ลดลง 43.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.11 ล้านบาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ให้ราคาเป้าหมาย CRD ปี 61 ที่ 1.90 บาท/หุ้น โดยอิง PER ที่ 14 เท่า โดย CRD เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งงานก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างทั่วไป และระบบงานสาธารณูปโภคครอบคลุมทุกภูมิภาค แต่เน้นภาคเหนือตอนบน

สำหรับจุดเด่นของ CRD คือการเน้นคุณภาพงานก่อสร้างและการส่งมอบทันตามกำหนด จากประสบการณ์กว่า 27 ปี รวมทั้งมีปัจจัยบวกจากธุรกิจก่อสร้างที่กลับมาเป็นขาขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ประกอบกับมี Backlog ปีนี้กว่า 1 พันล้านบาท ทำให้คาดกำไรสุทธิปี 60-61 โตเฉลี่ย 27% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น CRD เข้าซื้อขายในวันแรก (5 ต.ค.) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 2.1 บาท จากราคา IPO ที่ 1.44 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 30 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.07 บาท โดยมองว่า CRD น่าจะได้ปัจจัยบวกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและเอกชนที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทวางแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีโอกาสได้รับงานเพิ่ม จึงส่งผลให้แนวโน้มกำไรของ CRD เติบโตขึ้นได้ในระยะยาว

Back to top button