JMART ควัก 141 ลบ. แปลงสิทธิ์ JMT-W1 สะท้อนความเชื่อมั่นศักยภาพธุรกิจบริหารหนี้

JMART ควัก 141 ลบ. แปลงสิทธิ์ JMT-W1 สะท้อนความเชื่อมั่นศักยภาพธุรกิจบริหารหนี้ หลังโชว์ฟอร์มเติบโตโดดเด่น


นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า JMART ในฐานะบริษัทแม่ของ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ที่ถือหุ้นสัดส่วน 56.12% ใส่เงินลงทุน 141 ล้านบาทใช้สิทธิแปรสภาพ JMT-W1 จำนวน 7,869,991 หน่วย ซึ่งได้หุ้นสามัญ JMT มาจำนวน 7,975,842 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ (พาร์) 1 บาท ด้วยอัตราใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 : 1.01345 หุ้น ราคาใช้สิทธิ 17.761 บาท/หุ้น

โดยหุ้นแปรสภาพดังกล่าวเริ่มซื้อขายบนกระดานวันที่ 5 ต.ค.60 สนับสนุนให้ปัจจุบัน JMT มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 379,976,470 หุ้น โดยจะหมดอายุในวันที่ 29 มิ.ย.2561

ทั้งนี้เนื่องจากภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มบริษัทในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ถือเป็นบริษัทย่อยที่สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างโดดเด่นในอนาคต และคาดว่าผลประกอบการปีนี้จะเป็นอีกปีที่สามารถสร้างทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งการแปรสภาพดังกล่าวสะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจบริหารหนี้ที่เติบโตโดดเด่นในระยะยาว

พร้อมประเมินภาพรวมกลุ่มเจมาร์ทในไตรมาส 4/60 ธุรกิจมือถือ กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ผ่านบริษัทย่อย JAYMART MOBILE รวมทั้ง ธุรกิจบริหารหนี้ ของ JMT จะเป็นดาวเด่นสุดในกลุ่ม ขณะที่ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J และ ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเชิงพาณิชย์ต่างๆ ของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่จำหน่ายผ่านตัวแทนขายทั่วประเทศยังคงเติบโต ซึ่งยิ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจในช่องทางค้าปลีก ยืนยันเป้าหมาย JMART โต 30% ได้ตามเป้า

 

ด้าน นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ไฮซีซั่นธุรกิจ จากปัจจัยสนับสนุนทั้งในด้านการรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน และการรับรู้รายได้จากยอดจัดเก็บจากลูกหนี้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 สถาบันการเงินทั้ง Bank และ Non-Bank ที่เร่งขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาเป็นจำนวนมาก จึงมั่นใจว่าเป้าหมายการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารปีนี้ จะสามารถทำได้ตามเป้า 30,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน ซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารแล้ว 11,133 ล้านบาท สนับสนุนให้สิ้นปี 60 บริษัทจะมีพอร์ตบริหารหนี้รวมทั้งสิ้น 1.40 แสนล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้

พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะทำผลประกอบการให้เป็นนิวไฮทั้งรายได้และกำไรเป็นปีที่สองต่อเนื่อง หรือเติบโต 30% จากปี 59 กำไรสุทธิอยู่ที่ 290 ล้านบาท รายได้รวมอยู่ที่ 1,063.7 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนมือถือใหม่ เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าในการชำระเงินผ่านช่องทางดังกล่าวได้ง่ายขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ต.ค.60 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเสนอต่อผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติการออกหุ้นกู้วงเงินมูลค่ารวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมวงเงินหุ้นกู้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาทที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 58 วัตถุประสงค์ เพื่อชำระคืนหนี้คงค้าง และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

รวมทั้งการขยายธุรกิจรองรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในอนาคตอีกปีละไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันเพิ่มเติม รุกตลาดในประเทศไทยที่บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้อยู่แล้ว และธุรกิจในประเทศกัมพูชาผ่านบริษัทย่อย บริษัท เจเอ็มที (กัมพูชา) จำกัด ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มเข้าไปติดตามหนี้ในประเทศดังกล่าวเรียบร้อยแล้วกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 ในวันที่ 6 พ.ย.60 พร้อมทั้ง กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (Record Date) วันที่ 17 ต.ค.60

Back to top button