AMATA ที่ดินพร้อมขายล้นมือรองรับ EEC แนะซื้อเป้า 26.6 บ.

AMATA ที่ดินพร้อมขายล้นมือรองรับ EEC แนะซื้อเป้า 26.6 บ.


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(6 ต.ค.) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA คาดกำไร ไตรมาส3/60 น่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น 60% เทียบไตรมาสก่อนหน้าและ 123% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 409 ล้านบาท จากการโอนที่ดินประมาณ 90 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อมตะนครซึ่งมีอัตรากำไรสูงกว่าอมตะซิตี้ เทียบกับไตรมาส2/59ที่โอนได้ 100 ไร่แต่เป็นการโอนที่ในอมตะซิตี้เป็นส่วนใหญ่  หากกำไรเป็นไปตามคาด จะคิดเป็นประมาณ 60% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่คาด โดยแนวโน้มในไตรมาส4/60 ยังสดใส

คาดว่าการโอนที่ดินที่อมตะเวียดนามน่าจะเร่งตัวมากขึ้นหลังจากปัญหาการเวนคืนที่ดินบรรเทาไป ประมาณการดังกล่าวน่าจะมีความเป็นไปได้จาก Backlog ณ สิ้นไตรมาส2/59ที่อยู่ที่ 2,070 ล้านบาท (แบ่งเป็นในประเทศประมาณ 1,380 ล้านบาท และเวียดนามอีก 690 ล้านบาท) คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ประมาณครึ่งหนึ่งในปีนี้และที่เหลือปีหน้า

ประมาณการกำไรปกติในปี 2017 ที่คาดเติบโต 16.2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่บนสมมติฐานการโอนที่ดิน 647 ไร่ (แบ่งเป็นไทย 500 ไร่ และเวียดนาม 147 ไร่) สูงกว่าปี 2016 ที่โอนที่ดินได้ 451 ไร่ (แบ่งเป็นไทย 373 ไร่ และเวียดนาม 78 ไร่) สำหรับบรรยากาศการขายที่ดินในช่วง 9M17 ยังเป็นไปอย่างช้าๆ โดยมียอดขายประมาณ 291 ไร่ ห่างจากการขายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2015-16) ที่ขายได้ 600 ไร่เศษต่อปี

เชื่อว่าเป็นผลมาจากการชะลอการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเพื่อรอความชัดเจนของสิทธิประโยชน์ในโครงการ EEC ปัจจุบันโครงการ EEC อยู่ในการพิจารณาของ สนช. ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาอีก 3-4 เดือนจึงจะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2018 ประกอบกับการเมืองที่มีเสถียรภาพ เชื่อว่าบรรยากาศการขายที่ดินของ AMATA ซึ่งมีพร้อมขายและรอการพัฒนาอีกกว่า 1.4 หมื่นไร่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ใน EEC จะได้รับอานิสงส์เต็มที่

ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่สดใสมากขึ้นในปีหน้า และการที่ AMATAV กำลังจะได้รับ Investment Certificate รวมถึงโรงไฟฟ้า SPP 3 โรงที่ AMATA ร่วมลงทุนจะทยอย COD ตั้งแต่ปี 2017-18 รวม 270 MW ทำให้เราคาดรายได้ปี 2018 +12.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่กำไรปกติโตในอัตราเร่งกว่าคือ +18.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,894.4 ล้านบาท เราประเมินราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 26.60 บาทโดยอิง PER 15 เท่า ซึ่งคิดเป็น PEG 0.8 ยังต่ำกว่า PEG เฉลี่ยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาที่ 1.2 เท่า ราคาเหมาะสมดังกล่าวมี upside กว่า 20% จึงแนะนำซื้อ

Back to top button