สังคมข่าวหุ้น

*ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปแตะ 1,700 จุดอีกครั้ง แต่ก็ยงคงยืนไม่ได้ เพราะเล่นชักคะเย่อกันอยู่ในช่วง 1,690-1,700 เว้นแต่ว่าในช่วงสัปดาห์หน้าหากงบกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะตัวเป้งๆ 4 แบงก์ใหญ่ กำไรออกมาสวยงาม มีเซอร์ไพรส์ ก็ไม่แน่อาจมีแรงซื้อเข้ามาหนุนดัชนียืนเหนือ 1,700 จุดได้สวยงาม


คาเฟอีน

*ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปแตะ 1,700 จุดอีกครั้ง แต่ก็ยงคงยืนไม่ได้ เพราะเล่นชักคะเย่อกันอยู่ในช่วง 1,690-1,700 เว้นแต่ว่าในช่วงสัปดาห์หน้าหากงบกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะตัวเป้งๆ 4 แบงก์ใหญ่ กำไรออกมาสวยงาม มีเซอร์ไพรส์ ก็ไม่แน่อาจมีแรงซื้อเข้ามาหนุนดัชนียืนเหนือ 1,700 จุดได้สวยงาม

*วันพุธที่ 11 ต.ค.นี้ หุ้น TISCO จะแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/60 ออกมาแล้ว โบรกฯ คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.57 พันล้านบาท เติบโต 26% เพราะไม่ต้องมีปัญหาตั้งสำรองหนี้เพิ่ม เงินกองทุนอยู่ระดับสูงกว่า 19-20% สูงสุดในกลุ่มแบงก์ Coverage Ratio ก็เฉลี่ย 170% สูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มอีก แถมยังถูกมองว่า เป็นหุ้นเด่นสุดกลุ่มแบงก์ โบรกฯ ทุกแห่งจึงพร้อมใจกันเชียร์ “ซื้อ” ส่วนเรื่องพอร์ตรายย่อยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดก็เรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร อาจมีลูกค้าปิดบัญชีไปบ้าง แล้วไปใช้บริการแบงก์อื่นนั้นๆ ถือเป็นเรื่องปกติ และไม่มีนัยสำคัญอันใด

*วันนี้หุ้น TOA เริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรก จัดเป็นหุ้นไอพีโอมาร์เก็ตแคปสูงสุดของปี เกือบ 5 หมื่นล้านบาท ราคาไอพีโอ 24 บาท ส่วน พี/อี อยู่ระดับ 24 เท่า จากผลประกอบการย้อนหลัง 12 เดือน และพาร์ 1 บาท  บรรดาเซียนหุ้นมองว่า ราคาเปิดไม่น่าจะแรงนัก แต่เหนือไอพีโอได้แน่นอน เพราะงานนี้บุคคลสำคัญมาร่วมงานด้วยคือ มี “เสี่ยโทนี่” ชาติศิริ โสภณพนิช บอสใหญ่ แบงก์กรุงเทพ หรือ BBL ในฐานะ บล.บัวหลวงเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ส่วนฝั่งของ “กสิกรไทย” (KBANK) ก็มี “ปรีดี ดาวฉาย” มาร่วมงานเช่นกัน จากที่ บล.กสิกรไทย เป็น FA ร่วม ไม่งั้นเสียหน้าแย่

*หุ้น AQ กลับมาเทรดได้ตามปกติ เปิดตลาด 0.30 บาท ใครที่ได้หุ้นไปก่อนหน้านี้ ราคา 0.05 บาท ป่านนี้นอนอ้วนพีอยู่กับบ้านแล้ว เป็นห่วงก็แต่บรรดา “เม่าน้อย” ทั้งหลายที่กระโจนเข้าไป ไม่รู้ว่าจะออกทัน หรือเข้าไปติดดอยกันบ้างไหม แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ หุ้นที่กลับเข้ามาเทรดใหม่แบบนี้ก็มักเสี่ยงดวงเข้าไปเล่น พื้นฐานอะไรต่างๆ แทบไม่สนกันเลย

*หุ้น AJA ราคาร่วงโรย และมีคำถามเกิดขึ้นว่าผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ตกลง “ออกของ” ไปหรือยัง หรือหากยังอยู่ จะเป็นไปได้หรือที่เจ้าตัวจะปล่อยให้ราคารูดลงมาแบบนี้ แต่ล่าสุดเสี่ยยักษ์ไปให้สัมภาษณ์สื่อฉบับหนึ่ง เหมือนจะมีนัยสำคัญในเชิงว่าพร้อม “อุ้ม” หุ้น AJA จากการเข้าไปช่วยบริษัทลูกของ AJA คือ VDC ไม่เช่นนั้น อาจจะเกิดโศกนาฏกรรม หรือการ “ตายหมู่” เกิดขึ้น ขณะที่ AJA ตอนนี้ถูกขึ้นบัญชีแคชบาลานซ์อยู่ และจะสิ้นสุดวันที่ 17 พ.ย.นี้

*หุ้นกรุ๊ปลีส หรือ GL ที่มี “เสี่ย” หรือนักลงทุนรายใหญ่ของตลาดหุ้นเข้าไปลงทุน และช่วยดันราคาขึ้นมาอยู่แถวๆ 24–25 บาทต่อหุ้น พี/อี พุ่งขึ้นมาเป็น 30 เท่า ประเด็นของหุ้นตัวนี้คือ ไตรมาส 3/60 จะมีการตั้งด้อยค่าหุ้น CCF ที่ประเทศศรีลังกาหรือไม่ หากยังไม่ตั้ง ก็อาจต้องไปตั้งในงวดปี 2560 แต่ก็มีข่าวว่า ทางผู้บริหารกำลังพยายามหาทางออกเรื่องหุ้นที่ศรีลังกา เพราะยังเป็นประเด็นที่นักวิเคราะห์ไถ่ถามมาตลอด ไม่เช่นนั้น ราคาหุ้นจะไม่ขยับขึ้นไปจากนี้ ส่วนธุรกิจที่ทำกับลูกค้ากลุ่มไซปรัส และสิงคโปร์ที่บอกว่าจะยกเลิกไปนั้น ก็มีคำถามว่า แล้ว GL จะหากำไรสูงๆ ได้จากที่ไหน ลำพังธุรกิจเช่าซื้อเพียงพอหรือไม่ “มิทซึจิ โคโนชิตะ” คงกำลังหัวหมุนอยู่

*หุ้น TPTPP เพิ่งมีการประชุมกับนักลงทุนสถาบัน และรายใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ มีการแจกแจงแผนงานต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้า RDF จะเริ่ม COD ในเดือน พ.ย.นี้  โรงไฟฟ้าถ่านหิน 150 MW ได้รับ EHIA ก็จะเริ่มประชาพิจารณ์ในช่วงไตรมาส 4 นี้ ขณะที่โบรกฯ ต่างๆ มีมุมมองเชิงบวกกับหุ้นโรงไฟฟ้าตัวนี้ และต่างแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย เฉลี่ย 9.50 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้น TPIPP ยังคงย่ำอยู่แถวๆ 7.80 บาท ไม่ค่อยจะไปไหน ส่วนสาเหตุนั้น นักลงทุนก็คงยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่มั้ง แต่จะเป็นเรื่องอะไรไปเดากันเอาเองนะ

* TMB แจ้งปิดบริการทุกสาขาทั่วประเทศ ในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ในวันพฤหัสบดีที่ 26 ต.ค.นี้ แต่ลูกค้าจะยังคงใช้ช่องทางดิจิทัล หรือหากต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ติดต่อ ทีเอ็มบี คอนแท็กต์ เซ็นเตอร์ โทร 1558

* หุ้นไทยพาณิชย์ SCB สัญญาณทางเทคนิคไม่สวย ราคาปรับลงมาติดต่อกัน 4-5 วันทำการ ก็น่าจะเกี่ยวกับหุ้น PACE ในฐานะที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ เพราะหาก PACE ยังอึมครึม จะถูกสำนักงาน ก.ล.ต.สั่งให้แก้ไขงบการเงินหรือไม่ ยังไม่ทราบ… หรือหากถูกสั่ง ในด้าน “ส่วนของผู้ถือหุ้น” จะติดลบทันทีเกือบ 3 พันล้านบาท และหากเป็นเช่นนั้น ไม่เป็นผลดีต่อหุ้นแบงก์เจ้าหนี้แน่นอน จึงยังเป็นปัจจัยกดดัน SCB ต่อไป

Back to top button