ONEAM แนะลงทุน 1SG-LTF สร้างผลตอบแทนสูง

ONEAM แนะลงทุนกองทุน 1SG-LTF ชี้สร้างโอกาสให้ผลตอบแทนสูง


นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ (ONEAM) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังคง underperform ตลาดในภูมิภาคอยู่มาก โดยตลาดยังคงมีลักษณะของการ Rotation ไปยังหลักทรัพย์ที่ Laggard และหลักทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ช่วง High season ของการท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก ทั้งนี้ แนะนำขายทำกำไรบางส่วนในหลักทรัพย์ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเต็มมูลค่าแล้ว และทยอยสะสมเมื่อดัชนีย่อตัวลง

โดยแนะนำกองทุนเปิด วรรณเอเอ็มซีเล็คทีฟโกรทหุ้นระยะยาว (1SG-LTF) ลักษณะการบริหารกองทุนแบบเชิงรุกเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ชนะ SET Index (Benchmark) จากการคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) สำหรับผลการดำเนินงานของ 1SG-LTF  ในช่วง 1 ปี 3 และ 5 ปี  และผลการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 16.98% , 5.03% และ 9.83% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานทุกช่วงปี 16.20% , 2.82%และ 5.81%

นอกจากนี้ได้ประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้บริเวณ 1,680- 1,720 จุด โดยยังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น และส่งผลให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจหลายแห่งทยอยปรับเพิ่มเป้าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 60

รวมถึงความคืบหน้าของร่างพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนตรงเพิ่มขึ้น  ประกอบกับ ในช่วงปลายปีจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยาว (LTF) ไหลเข้าซื้อหุ้นไทยประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นปัจจัยบวกหนุนดัชนีไม่ให้ปรับตัวลงได้มาก

อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ ยังต้องติดตามกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไทย โดยมองว่าเริ่มชะลอตัวและเป็นแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงของไทยในระยะสั้น หลังสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้  ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น และยังคงต้องระวังแรงขายทำกำไรในช่วงที่ดัชนีฯ เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 1,700 จุด

ขณะที่มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า ผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลง โดยจะทยอยประกาศตั้งแต่ 11 ต.ค. เป็นต้นไป  รวมถึงต้องติดตามความคืบหน้าทางการเมืองของสหรัฐฯ หลังมีการอนุมัติงบประมาณปี 2561 วงเงิน 4.1 ล้านดอลลาร์ฯ

ตลอดจนถ้อยแถลงของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 12 ต.ค. นี้ ซึ่งอาจมีการส่งสัญญาณการลดขนาดการเข้าซื้อพันธบัตร และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดือน ก.ย. ต่อแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้

Back to top button