BEM โบรกฯ มองงบ Q3/60 โตเด่น 16% จาก 3 ธุรกิจหลัก แนะซื้อลงทุนระยะยาว

BEM โบรกฯ มองงบ Q3/60 โตเด่น 16%จาก 3 ธุรกิจหลัก แนะซื้อลงทุนระยะยาว โดยล่าสุด ณ เวลา 10.47 น. ราคาอยู่ที่ 8.00 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.91% สูงสุดที่ 8.05 บาท ต่ำสุดที่ 7.90 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 409 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ณ เวลา 10.47 น. ราคาอยู่ที่ 8.00 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.91% สูงสุดที่ 8.05 บาท ต่ำสุดที่ 7.90 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 409 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.12%

 

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะ “ทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว” หุ้น BEM คาดผลประกอบการไตรมาส 3/60 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการเติบโตจากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ทางด่วน, รถไฟฟ้า และสื่อโฆษณา โดยภายหลังการเปิดให้บริการ 1 สถานีเชื่อมต่อบางซื่อ-เตาปูน พบว่าผู้โดยสารหันมาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ

ขณะที่มองว่าในอนาคต BEM ยังมี Upside จากสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าที่มีโอกาสได้สูง เช่น สัมปทานเดินรถไฟฟ้าม่วงต่อขยาย, ส้ม, ทางด่วน รวมถึงการเติบโตของเงินลงทุนในบริษัทลูกอย่าง TTW, CKP และ XPCL ที่ยังไม่รวมในประมาณการ ปัจจุบันราคาหุ้น Laggard กลุ่มขนส่งอยู่สูงกว่า 23%

ทั้งนี้ คาดกำไรไตรมาส 3 เติบโต 16%จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน, 4.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ 840 ล้านบาท เติบโตจากทั้ง 3 ธุรกิจ นำโดยธุรกิจทางด่วน ซึ่งคาดรายได้ที่ 2,500 ล้านบาท (+2.7% เทียบจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน,+5.5% ช่วงเดียวกันปีก่อน) จากจำนวนผู้ใช้รถยนต์ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.24ล้านคัน (ผู้ใช้ทางด่วน SOE ทำระดับสูงสุดต่อเนื่องที่ในวันธรรมดาที่ระดับ 6 หมื่นคัน/วัน)

ในขณะที่คาดว่าธุรกิจรถไฟฟ้าทำรายได้สูงสุดเช่นกันที่ 1,210ล้านบาท (+9.4%จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน,+31.9%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) สนับสนุนทางยอดผู้ใช้รถไฟฟ้าที่ทำระดับสูงสุด ภายหลังรถไฟฟ้าสายสีม่วง-น้ำเงินเชื่อมต่อกันเมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้รถในวันธรรมดา (Weekday) เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3.5 แสนเที่ยว/วัน (+7.3%จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน, +14.3%จากช่วงเดียวกันปีก่อน) ในขณะที่คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมจะกลับมาอยู่ในระดับปกติ ภายหลังจากรับรู้ขาดทุนจาก CKP ในช่วงครึ่งปีแรก

โดยในปี 2561-2562 คาดจะเห็นความคืบหน้าของ 3 สัมปทานได้แก่ 1)การเจรจาต่อสัมปทานทางด่วนที่จะหมดในปี 2563 ซึ่งปัจจุบัน BEM อยู่ระหว่างการเจรจารูปแบบสัมปทาน 10+10ปี โดยมองว่ามีโอกาสที่ BEM จะได้ขยายสัมปทานบนเงื่อนไขใหม่ ทั้งในรูปแบบเดิม (Revenue Sharing) หรือ รูปแบบบใหม่ (รับจ้างบริหาร)

2) สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-ราษฏร์บูรณะ) ในรูปแบบ Gross / Net cost ซึ่งมีโอกาสที่จะได้สูง เนื่องจากปัจจุบัน บริษัทเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงเดิม (บางใหญ่-เตาปูน) อยู่แล้ว และ 3) สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ซึ่งบริษัทฯ มีข้อได้เปรียบในการเข้าประมูล ซึ่งหาก BEM ได้มาซึ่ง 3 สัมปทานดังกล่าวเรามองว่า BEM จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มขนส่งอย่างเต็มตัว

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้ปรับเป้าผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินปี 2561 ขึ้นเป็น 3.6 แสนเที่ยว/วัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารจากสายสีม่วง pass-through มายังสายสีน้ำเงินมากกว่าคาด พร้อมปรับกำไรปี 2561 ขึ้นเป็น 3,716 ล้านบาท (+17%จากช่วงเดียวกันปีก่อน)

นอกจากนี้ ยังปรับเป้าใช้ราคาเหมาะสมปี 2561 ที่ 9.00 บาท/หุ้น โดยราคาหุ้นยังมี Upside จากทั้ง 3 สัมปทานที่กล่าวด้านบน รวมถึงมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทลูกอย่าง CKP, XPCL ที่จะเติบโตอย่างมีนัยยะในปี 2562

Back to top button