โอกาสช้อน PTTEP หลังร่วง 5% โบรกฯแนะถือ ย้ำยกเลิก”มาเรียนา ออยล์ แซนด์”ไม่กระทบเป้า 98 บ.

โอกาสช้อน PTTEP หลังร่วง 5% โบรกฯแนะถือ ย้ำยกเลิก"มาเรียนา ออยล์ แซนด์"ไม่กระทบเป้า 98 บ. ล่าสุด ณ เวลา 15.38 น. ราคาอยู่ที่ 85.75 บาท ลบ 4.50 บาท หรือ 4.99% สูงสุดที่ 86.25 บาท ต่ำสุดที่ 85 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 4.38 พันล้านบาท


บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ล่าสุด ณ เวลา 15.38 น. อยู่ที่ 85.75 บาท ลบ 4.50 บาท หรือ 4.99% สูงสุดที่ 86.25 บาท ต่ำสุดที่ 85 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 4.38 พันล้านบาท ขณะที่ดัชนีโดยรวมบวก 0.44%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากกรณีที่ PTTEP เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัท PTTEP Canada Limited ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้เข้าลงทุนในโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ประเทศแคนาดา โดยถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 100 และเป็นผู้ดำเนินการนั้น ล่าสุด บริษัทได้พิจารณาปรับแผนการพัฒนา

โดยรวมถึงการชะลอการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) ของโครงการออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับผลการศึกษาการพัฒนาโครงการที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ภายใต้สภาวะอุตสาหกรรมปัจจุบัน

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ถือ” PTTEP ราคาเป้าหมาย 98 บาท/หุ้น เนื่องด้วยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมด้วยวิธี DCF ทำให้การตัดจำหน่ายไม่กระทบมูลค่าที่เหมาะสม และไม่ได้รวม MOSP ไว้ในประมาณการ

ขณะที่ PTTEP ได้รายงานต่อตลาดว่า จะมีการบันทึกผลขาดทุนจากการตัดจำหน่ายโครงการ Marina Oil Sand Project (MOSP รวมถึง Thornbury, Hangingstone และ South Leismer) ที่ถือหุ้น 100% ทำให้รับรู้ผลขาดทุน 550 ล้านดอลลาร์ โดย PTTEP ได้ปรับแผนในการลงทุน โดย PTTEP ได้ใช้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยมูลค่าทางบัญชีหลังการตัดจำหน่ายของ MOSP จะอยู่ที่ 45 ล้านดอลลาร์

อนึ่ง PTTEP ได้โครงการนี้มาจากการ Swap กับ Statoil ในครึ่งปีแรก 2557 ซึ่ง PTTEP ได้มีการตัดจำหน่าย MOSP ไปแล้ว 2 ครั้งคือ ในไตรมาส 4/57 มูลค่า 630 ล้านดอลลาร์ และไตรมาส 3/58 มูลค่า 626 ล้านดอลลาร์ โดย PTTEP ได้ชะลอการลงทุนในโครงการดังกล่าว และศึกษาแผนในการลดต้นทุนของโครงการ และจากข้อมูลของ Wood Mackenzie ที่ปรึกษาด้านพลังงานระยะแรกจะเน้นไปที่โครงการ Thornbury ซึ่งคาดว่ามีกำลังการผลิต 40 kbd

อย่างไรก็ดี การตัดจำหน่ายสินทรัพย์คิดเป็น 60% ของผลประกอบการปี 2560 จากที่คาดที่ 3.21 หมื่นล้านบาท และจะทำให้ PTTEP รายงานผลขาดทุน 9 พันล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/60 และจากเดิมที่คาดผลประกอบการไตรมาส 3/60 ที่ 9 พันล้านบาท (คาดรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/60 ในวันที่ 2 พ.ย.) และการตัดจำหน่ายจะไม่กระทบต่อ FID ของ PTTEP

ทั้งนี้ ด้วย PTT ถือหุ้น 67% ใน PTTEP ทำให้การตัดจำหน่ายคิดเป็นผลกระทบ 9% จากผลประกอบการปี 2560 หากไม่มีรายการดังกล่าวเดิม คาดผลประกอบการไตรมาส 3/60 ไว้ที่ 3.46 หมื่นล้านบาท

Back to top button