KTC คงความสามารถทำกำไร

สมกับการรอคอยเสียจริงๆ กับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 รวมถึงงวด 9 เดือน ของ KTC ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า... สามารถโชว์ตัวเลขกำไรได้อย่างพุงกาง เหนือเป้าหมายที่นักวิเคราะห์หลายโบรกฯ คาดการไว้ก่อนหน้า


คุณค่าบริษัท

สมกับการรอคอยเสียจริงๆ กับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 รวมถึงงวด 9 เดือน ของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า… สามารถโชว์ตัวเลขกำไรได้อย่างพุงกาง เหนือเป้าหมายที่นักวิเคราะห์หลายโบรกฯ คาดการไว้ก่อนหน้า

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 ของ KTC พบว่า บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4,967.81 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 4,402.73 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4,967.81 ล้านบาท หรือ 3.28 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 639.61 ล้านบาท หรือ 2.48 บาทต่อหุ้น

โดยกำไรแข็งแกร่งมากจากความสามารถในการสร้างรายได้คือ 1) NII เติบโตดี (เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) จากพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้เผชิญเกณฑ์ใหม่ที่เริ่มมีผลกระทบไป 1 เดือน ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลดลงจากเดิม 20% เป็น 18%

2) ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ส่วนลดร้านค้า ค่าธรรมเนียม Interchange และค่าธรรมเนียมเบิกเงินสดล่วงหน้า (ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่) และที่สำคัญคือ 3) รายได้หนี้สูญรับคืนเติบโตดี (เพิ่มขึ้น 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน)

ยิ่งส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14,420.89 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 12,839.60 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,365.25 ล้านบาท หรือ 9.17 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,854.49 ล้านบาท หรือ 7.19 บาทต่อหุ้น นับว่าเป็นการกักตุนผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง

ผลดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนประเด็นบวกจากกำไรที่ดีกว่าคาด ซึ่งได้ปรับประมาณการกำไรปี 60 เป็น 2.92 พันลบ. และปี 61 เป็น 2.81 พันลบ. นอกจากนี้คาดว่ากำไรไตรมาส 4/60 น่าจะลดลงทั้งจากไตรมาสก่อน และจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงตามฤดูกาลและผลกระทบเต็มไตรมาสของเกณฑ์ใหม่

อย่างไรก็ตาม มองว่ากำไรทั้งปีจะเติบโตดีกว่าเป้าหมายของ KTC ที่จะเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน สำหรับทิศทางปีหน้า คาดว่าผลกระทบต่อกำไรอาจไม่รุนแรง แม้เผชิญผลกระทบของเกณฑ์ใหม่เต็มปี โดยเป็นผลจาก Credit cost ที่ลดลง และสินเชื่อส่วนบุคคลเติบโตดี ทั้งนี้ กำไรของ KTC น่าจะกลับมาโตโดดเด่นอีกครั้งในปี 62 เพราะคาดพอร์ตสินเชื่อเติบโต และ Credit cost ลดลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร” จากการปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น และอิงปี 61 P/E ที่สูงขึ้นเป็น 2.5 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายใหม่ 134 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 127,500,000 หุ้น 49.45%
  2. นายมงคล ประกิตชัยวัฒนา 28,867,300 หุ้น 11.20%
  3. น.ส.ฉันทนา จิรัฐิติภัทร์ 9,983,500 หุ้น 3.87%
  4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 9,340,897 หุ้น 3.62%
  5. CHASE NOMINEES LIMITED 2,721,240 หุ้น 1.06%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการ
  2. นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  3. นายระเฑียร ศรีมงคลกรรมการ
  4. นางศรีประภา พริ้งพงษ์ กรรมการ
  5. นายเชิดชัย ชมพูนุกูลรัตน์ กรรมการ

Back to top button