จับตา CPN เปิดงบฯ Q3 สุดหรู หลังบุ๊คกำไรพิเศษสินไหมทดแทน 3.5 พันลบ.

จับตา CPN เปิดงบฯ Q3/60 สุดหรู หลังบันทึกกำไรพิเศษจากค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการก่อการร้าย 3.5 พันลบ. ด้าน โบรกฯ อัพเป้าเพิ่ม ชี้ธุรกิจมีศักยภาพเติบโตสูง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN หลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โดยนักวิเคราะห์ ได้ปรับราคาเป้าหมาย CPN ขึ้นเป็น 89 บาทต่อหุ้น หลังมองว่า บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ คอนโดมิเนียม และ โครงการ Mixed-use หลายแห่ง นอกจากนี้ในไตรมาส 3/60 บริษัทจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากค่าประกันภัยกรณีเพลิงไหม้เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 53 เป็นจำนวน 3.5 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น CPN ปิดตลาดวานนี้ (30 ต.ค.) อยู่ที่ 79.75 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 0.95% สูงสุดที่ 80.50 บาท ต่ำสุดที่ 78.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 724.83 ล้านบาท โดยยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดของนักวิเคราะห์ที่ 88 บาท อยู่ 11.6%

 

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” CPN โดยปรับขึ้นราคาเป้าหมายเป็น 89 บาทต่อหุ้น จากเดิม 77 บาทต่อหุ้น แม้นับแต่ต้นปีราคาหุ้นปรับขึ้นมาแล้ว 39% แต่ยังเห็นว่า CPN มีศักยภาพเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่ คอนโดมิเนียม และ โครงการ Mixed-use หลายแห่ง

โดยปรับประมาณการกำไรขึ้น 4% สะท้อนการได้รับเงินประกันภัย ,การขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) และการเปิดคอนโดมิเนียมใหม่

ทั้งนี้ คาดว่า CPN จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/60 ที่ 5.90 พันล้านบาท จากการบันทึกค่าประกันภัยกรณีเพลิงไหม้เซ็นทรัลเวิลด์เมื่อปี 53 จำนวน 3.5 พันล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดกำไรปกติอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ลดลง 3% ตามผลของฤดูกาลและเซ็นทรัลเวิลด์มีอัตราเข้าเช่าลดลงจากการปรับปรุง แต่คาดกำไรเพิ่มขึ้น 2% จากงวดปีก่อน เนื่องจากคาดค่าเช่าเฉลี่ยเพิ่ม 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน แม้อัตราเข้าเช่ายังลดลงก็ตาม

ขณะที่กำไรปกติในไตรมาส 4/60 มีแนวโน้มเติบโตจากงวดปีก่อน เนื่องจากคาดยอดขายเสื้อผ้าสีเพิ่มขึ้น (Consignment มีสัดส่วน 36% ของพื้นที่เช่าที่มีผู้เช่า) การกลับมาจัดงาน Countdown ช่วยเพิ่มลูกค้า CPN ยังเปิดศูนย์การค้าใหม่ 2 แห่ง คือ โคราช ในวันที่ 3 พ.ย.และมหาชัย ในวันที่ 23 พ.ย.ซึ่งคาดอัตราเข้าเช่าในวันที่เปิด 80% และ 85% ตามลำดับ

นอกจากนี้ กำไรจะเติบโตเด่นในปี 2561 เนื่องจากอัตราเข้าเช่าของเซ็นทรัลเวิลด์จะเพิ่มจาก 80% เป็น 90% ในเดือน พ.ค.61 หลังปรับปรุงเสร็จ อีกทั้งรับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์การค้า 2 แห่งที่เปิดในไตรมาส 4/60 และมีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ 3 แห่งในปี 2561 รวมทั้งรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียม 3 แห่ง รวม 2,800 ล้านบาท ได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และระยอง

รวมถึงการขายเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาบีชและโรงแรมฮิลตันพัทยาเข้า CPNREIT ซึ่งเสร็จภายในปีนี้ทำให้ CPN ได้รับเงิน 1.111,908 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยบันทึกรายได้และต้นทุนตลอดระยะเวลา 20 ปี ไม่ได้บันทึกเป็นกำไรทั้งจำนวนในครั้งเดียว แต่ CPN จะได้รับกระแสเงินสดเข้ามาเพื่อใช้ลงทุนต่อและคืนหนี้สินบางส่วน

 

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” CPN ให้ราคาเป้าหมาย 89 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่า CPN จะประกาศงบไตรมาส 3/60 ในวันที่ 6 พ.ย.60 คาดว่าจะมีกำไรปกติลดลง 4.1% เทียบจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1.6% เทียบจากปีก่อนเป็น 2.38 พันล้านบาทในไตรมาส 3/60 เนื่องจากการปิดปรับปรุง Central World และกำไรที่ชะลอตัวตามฤดูกาล

ขณะที่คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 1.2% เทียบจากปีก่อนเป็น 6.4 พันล้านบาท ด้วยการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากศูนย์การค้าใหม่คือ Central Nakhon Si Thammarat และ Central Marina ที่มีการปรับปรุง CPN เผยว่าในไตรมาส 3/60 บริษัทจะบันทึกเงินชดเชยจากการประกันภัยรวม 3.5 พันล้านบาทในรายได้อื่น โดยเงินชดเชยดังกล่าวมาจากเหตุเพลิงไหม้ Central World ในช่วงที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเดือนพ.ค. 2553

ขณะที่ CPN กำลังพิจารณาจะจ่ายปันผลพิเศษจากเงินชดเชยและเงินได้จากการขาย Central pattaya Beach และ Hilton pattaya เข้ากองทุน CPNREIT ก่อนหน้านี้ประมาณการเงินปันผลอยู่ที่ 90 สตางค์ต่อหุ้นอิงอัตราการจ่ายปันผล 40% แต่หาก CPN จะจ่ายปันผลพิเศษ เงินปันผลปีนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.21 บาทต่อหุ้น

 

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” CPN ราคาเป้าหมาย 88 บาทต่อหุ้น ประเมินด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด โดย Thai Business Fund 4 ซึ่ง CPN ถือหุ้น 100% และเป็นผู้ถือสิทธิ์สัญญาเช่าเซ็นทรัลเวิร์ลได้รับเงินประกันก่อการร้ายจำนวน 3.5 พันล้านบาท เนื่องจาก CPN ได้ตัดจำหน่ายความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งไฟไหม้ห้างในเดือนพ.ค. 2553 หมดแล้ว

ประกอบกับ Thai Business Fund 4 เป็นกองทุนที่ได้รับยกเว้นภาษี ดังนั้นบริษัทจะบันทึกรายได้จากเงินประกัน 3.5 พันล้านบาทนี้เป็นกำไรเต็มจำนวนในไตรมาส 3/60 ซึ่งมองว่าเงินประกันนี้เข้ามาถูกจังหวะมาก หากไม่มีเงินก้อนนี้เข้ามา ไตรมาส 3/60 จะเป็นไตรมาสที่เติบโตต่ำที่สุดตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เนื่องจากเซ็นทรัลเวิร์ลอยู่ระหว่างการปรับปรุง

รวมทั้งแรงหนุนจากการขยายสาขามีไม่มากเนื่องจากมีการเปิดห้างใหม่เพียง 1 สาขาในช่วง 21 เดือนที่ผ่านมา คาดเงินประกันจะหนุนให้กำไรไตรมาส 3/60 เติบโตมากถึง 150% เทียบจากปีก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีห้างเปิดใหม่ 2 แห่งในไตรมาส 4/60 แต่กำไรหลักน่าจะเติบโตได้ไม่มากนักเนื่องจาก รายได้จากศูนย์ฯใหม่ยังค่อนข้างน้อยในช่วงแรก ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการจัดโปรโมชั่นมักจะสูงในไตรมาสสี่

อีกทั้งรายได้จากการขายสินทรัพย์ในเซ็นทรัลเฟสติวัล หาดพัทยาจะหนุนกำไรได้ไม่มากนัก เนื่องจากกำไรจากการขายสินทรัพย์จะทยอยรับรู้เป็นเวลา 20 ปี อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 4/60 น่าจะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่เห็นการเติบโตชะลอตัว เทียบจากไตรมาสก่อนแนวโน้มกำไรเติบโตตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไปดูน่าตื่นเต้นขึ้นมาก

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ CPN เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ จากเหตุความไม่สงบเมื่อปี 53 ซึ่งบริษัทได้ทำประกันภัยการก่อการร้าย (Terrorism) วงเงิน 3,500 ล้านบาทนั้น ขณะนี้กองทุนรวมธุรกิจไทย 4 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และเป็นเจ้าของสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการก่อการร้าย เป็นจำนวน 3,500 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองอันส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้อาคารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์บริเวณสี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 และอาคารศูนย์การค้าดังกล่าวได้ทำประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน และประกันภัยธุรกิจหยุดชะงักไว้กับบริษัท เทเวศประกันภัย

Back to top button