ฝรั่งทิ้ง(อีกแล้ว)

*ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาย้ำหัวหมุดอีกรอบแบบเนื้อๆ เน้นๆ คงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนสถาบันยังแทงกั๊ก โบรกเกอร์ยังชอบเล่นทีเผลอ แมงเม่ายังตะลุยเป็นรอบๆ ภาพการลงทุนถึงอยู่ในลักษณะ “ขึ้นไม่สุด ลงไม่หนัก” พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้างมาระยะหนึ่ง มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาตั้งหลักใหม่แล้วจริงๆ นะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาย้ำหัวหมุดอีกรอบแบบเนื้อๆ เน้นๆ คงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า นักลงทุนสถาบันยังแทงกั๊ก โบรกเกอร์ยังชอบเล่นทีเผลอ แมงเม่ายังตะลุยเป็นรอบๆ ภาพการลงทุนถึงอยู่ในลักษณะ “ขึ้นไม่สุด ลงไม่หนัก” พร้อมกับแกว่งตัวออกด้านข้างมาระยะหนึ่ง มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า ได้เวลาตั้งหลักใหม่แล้วจริงๆ นะคะ

*วันนี้ถึงอยากให้แฟนคลับ “ข่าวหุ้น” ลองมองเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไปข้างหน้า 1 สัปดาห์มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? และตัวแปรดังกล่าวส่งผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่?  หากไม่สามารถประเมินเรื่องดังกล่าวได้อย่างแตกฉาน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้ผู้เล่นหยุดคิดเรื่องต่างๆ สักนิดหนึ่ง ต่อจากนั้นค่อยเริ่มคิดว่า จะเอาอย่างไรกับการแกว่งตัวของหุ้นเจ้าค่ะ

*เนื่องจากอาการแกว่งตัวไปมาตลอดทั้งวัน ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ 1,701.47 จุด ลบไป 0.46  จุด ด้วยมูลค่า 5.20 หมื่นล้านบาท มันเป็นเพียงการยื้อสถานการณ์ไม่ให้แย่ลงแค่ชั่วคราว เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า ทฤษฎีเงินทุนไหลเข้าที่มีมาอย่างยาวนาน มันใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน และเมื่อมองข้ามไปถึงความยุ่งเหยิงที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย น่าจะกลายเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นด้วยเช่นกันพะยะค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นหุ้นบลูชิพบางตัวในกระดาน most active มีแรงเทขายถล่มออกมาตลอดทั้งวัน และถ้าดูยอดขายสุทธิให้ดีจะเห็นว่า เมื่อวันศุกร์ฝรั่งตาน้ำข้าวทิ้งหุ้นออกมาอีก 2.32 พันล้านบาท และเมื่อรวมตั้งแต่วันที่ 1-3 พ.ย. 59 ก็มียอดเทขายทิ้งหุ้นไปทั้งสิ้น 4.96 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่กดดันบรรยากาศลงทุนมากพอสมควร แถมกองทุนตัวแสบชอบเล่นแบบตีหัวเข้าบ้าน เลยทำให้หุ้นบลูชิพนอนหงายเก๋งไงล่ะค่ะ

*ขนาดหุ้นทีเด็ดทีขาดอย่าง AOT กลับไม่มีคนกล้าไล่ราคาเหมือนเมื่อก่อน จนล่าสุดยืนทรงตัวอยู่ที่  58.50  บาท บวกไป 0.25  บาท  ด้วยมูลค่า 791 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเคราะห์หามยามร้ายของหุ้นมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน เพราะเป็นช่วงที่ฝรั่งกำลังถอนทุนเพื่อเอากำไรมานอนกอด ทิศทางของหุ้นถึงค่อยๆ โค้งตัวลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจไม่ใช่น้อย แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของเจ้าจำปี ADVANC โดนเทขายแบบหนักๆ 2 วันติด จนล่าสุดหุ้นมายืนอยู่ที่ 184.50 บาท ลบไป 3 บาท  ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาท พร้อมกับปรากฏสัญญาณอีกา 3 ตัว “โมนิก้า” ถือเป็นลางบอกเหตุที่นักเล่นต้องรู้จักไหวตัวให้ทัน และตัวชี้ขาดเรื่องดังกล่าวก็อยู่ที่แรงซื้อวันนี้จะหนุนให้หุ้นกลับขึ้นไปบวกได้ไหม? หากไม่เป็นเหมือนที่ว่าไว้ หุ้นจะทรุดตัวลงไปหาแนวรับสุดท้าย 180 บาท และจะทำให้หุ้นอยู่ในทิศทางขาลงเต็มตัวนะคะ

*ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับท่าทีของ DTAC  TRUE  ฟอร์มตัวในลักษณะขาลงชัดเจนเหมือนกัน เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณหุ้นจะกลับไปฐานเก่าที่บริเวณ 40 บาทกับ 5 บาท (ตามลำดับ) “โมนิก้า” ถึงไม่ค่อยวอรี่กับการอ่อนตัวสักเท่าไหร่ ถึงแม้หุ้นจะอ่อนตัวลงมายืนที่ 44.75 บาท ลบไป 1 บาท ด้วยมูลค่า 1.66 พันล้านบาท ส่วนรายหลังลงมายืนที่ 5.70 บาท ลบไป 0.15 บาท ด้วยมูลค่า 1.53 พันล้านบาท  เพราะนักเล่นคงไหวตัวทันตั้งแต่หุ้นลงแบบมีวอลุ่ม และประเด็นที่ต้องกังวลจริงๆ มีแค่ ฝรั่งขายออกมาอีกไหม..หากไม่ทุบแรงๆ หุ้นก็เด้งขึ้นได้นะจ๊ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นที่เด้งขึ้นแรงๆ ทีไร “โมนิก้า” ต้องหันกลับไปมองดาวรุ่งพุ่งแรง PRM ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นเป็นหุ้นที่มีคนเข้ามาตะลุมบอนกันเยอะแยะ แต่หลังจากนั้นสถานการณ์ก็กลับตาลปัตรไปหมด แรงเทขายเริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ และเริ่มขายหนักขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จนหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 12.60 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 5.25% ด้วยมูลค่า  1.23 พันล้านบาท แถมเป็นการลงแรงวันแรกแบบนี้..เดี๊ยนสงสัยว่า อาจมีการขายรอบใหญ่ออกมาอีกนะซี

*เช่นเดียวกับในรายของดาวโรย GPSC มีแรงเทขายออกมาไม่ขาดสาย และทำท่าจะสาดหุ้นออกมาชุดใหญ่ไฟกะพริบ “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่น่าติดตามไม่แพ้กับหุ้นตัวอื่นๆ เพราะในระหว่างทางขาลงไม่มีแรงซื้อเข้ามาพยุงหุ้น จึงอนุมานได้ทันทีว่า ดูไปก่อน..อย่ามือลั่น  เพราะวันนี้ถึงต้องลุ้นให้มีแรงซื้ออัดเข้ามา เพื่อทำให้หุ้นเริ่มกลับได้ตัวเสียก่อน  หลังหุ้นทรุดลงมายืนอยู่ที่ 59.25 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่า 653 ล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ส่วนที่มาแรงแซงทางโค้งอย่างหุ้น THCOM ถือเป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่น่าสนใจสำหรับคนกล้า จู่ๆ หุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 12.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.10% ด้วยมูลค่า 125 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่ต้องหันไปมองว่า ธุรกิจยังมีอนาคตไหม?  หากแต่ละคนได้คำตอบของตัวเอง  น่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่บอกให้รู้ว่า เที่ยวนี้เป็น “ของจริง” หรือ “ของเก๊” นะคะ

Back to top button