5 หุ้น mai นักลงทุนเล่นไม่เลิก! 10 เดือนฟันกำไรเกิน 100%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 10 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 ต.ค.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 100% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมี 5 ตั


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ในรอบ 10 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 ต.ค.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 100% เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมี 5 ตัว คือ SKY, GCAP, ECF, SPVI และ NETBAY 

อันดับ 1 บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ราคาหุ้น 10 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 501.31% มาที่ระดับ 18.40 บาท (31 ต.ค.60) บวก 15.06 บาท จากระดับ 3.06 บาท ( 30 ธ.ค.59) สำหรับหุ้นรายนี้ชื่อย่อเดิมคือ CCN  โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีราคาถูกและง่ายต่อการดันราคาและโบรกฯแนะนำให้เข้าเก็งกำไร ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนงานเข้าประมูลงานภาครัฐยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นวิ่งขึ้นแรง

โดยเฉพาะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นตอบรับสัญญาจ้างจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT มูลค่างานรวมภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น 469 ล้านบาท อีกทั้งได้รับหนังสือยืนยันตกลงจ้างและให้ไปลงนามในสัญญาจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เพื่อรับงานติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่าประมาณ 434 ล้านบาท

โดยบริษัทจึงมั่นใจภาพรวมผลประกอบการในปี 2560 จะมีรายได้เติบโต 70% ตามแผน จากปี 2559 มีรายได้ 316 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากงานที่ไม่ได้เข้าร่วมประมูลเอง มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท เช่น งานระบบฮาร์ดแวร์ และกล้อง CCTV และโครงการอื่นๆ เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

สำหรับบริษัทมีธุรกิจหลักของบริษัทสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่าย และวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ครอบคลุมการบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง อบรม ดูแลบำรุงรักษาระบบงาน จัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบเบ็ดเสร็จ 2. ธุรกิจให้เช่าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรให้ได้หลากหลายมากขึ้นโดยมีระยะเวลาสัญญา 1-10 ปี 3.ธุรกิจติดตั้งระบบโทรคมนาคม

 

อันดับ 2 บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ราคาหุ้น 10 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 153.50% มาที่ระดับ 7.25 บาท (31 ต.ค.60) บวก 4.39 บาท จากระดับ 2.86 บาท ( 30 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนธุรกิจออกมาโดดเด่น อีกทั้งนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุนยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง

โดยบริษัทมั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 152.63 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 41.28 ล้านบาท ตามกการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ โดยครึ่งปีแรกบริษัทปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้ว 334 ล้านบาท สูงขึ้น 277% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อใหม่ 89 ล้านบาท  เนื่องจากบริษัทได้ออกแคมเปญส่งเสริมการตลาดในลักษณะการนำเสนอสินเชื่อรูปแบบใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมา มาจากสินเชื่อประเภทรถเกี่ยวนวดข้าว ซึ่งช่วงหลังเดือน เม.ย.มีการขอสินเชื่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่าผ่านพ้นช่วงปีหน้าแล้งไปแล้วในปี 58-59 และในปี 60 ถือเป็นการฟื้นตัว จะเห็นได้จากปริมาณน้ำฝนที่มีเพิ่มขึ้น ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) บริษัทฯสามารถควบคุมได้ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา และอยู่ในระดับไม่น่ากังวล

ขณะที่ปี 61 บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลจะปรับตัวสูงกว่า 50% จากปัจุบันอยู่ที่ 40% และสินเชื่อเช่าซื้อรถเกี่ยวนวดข้าวอยู่ที่ 60% ซึ่งถือว่ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทได้ออกประเภทสินเชื่อที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยตั้งเป้าจะให้มีสินเชื่อหลากหลายประเภทเพื่อเป็นการกระจายพอร์ต

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ ซื้อ GCAP ให้ราคาเป้าหมายที่ 8.8 บาทต่อหุ้น โดยบล.กรุงศรี ยังมั่นใจผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/60 และเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในปีหน้า ตามยอดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเท่าตัว จากการเดินหน้าปล่อยสินเชื่อให้พ่อค้าแม่ค้าใน 5 ตลาด คือ คลองเตย ,ยิ่งเจริญ ,ปฐวิกรณ์, พเยาว์ และ ตลาดบางพลี

 

อันดับ 3 บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ราคาหุ้น 10 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 139.13% มาที่ระดับ 7.70 บาท (31 ต.ค.60) บวก 4.48 บาท จากระดับ 3.22 บาท ( 30 ธ.ค.59) เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีแผนธุรกิจออกมาอย่างโดดเด่น ทั้งธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และพลังงานเต็มที อีกทั้งบริษัทประกาศเพิ่มทุน 636 ล้านหุ้น ขาย PP-RO เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและรองรับการขยายธุรกิจ และการเพิ่มทุนดังกล่าวมีการจัดสรรให้กับ  Macquarie Bank จำนวน 40 ล้านหุ้น ยิ่งทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาจนราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้ง

นอกจากนี้บริษัทยังมีมติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน PP เพื่อเสนอขายให้บลจ.วรรณ ในราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเท่ากับ 5.58 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมเท่ากับ 167.40 ล้านบาท โดยกำหนดวันใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน เสนอขายและวันชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของในวันที่ 25 ตุลาคม 60 ยิ่งทำให้ราคาหุ้นได้รับความสนใจและปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ครึ่งปีหลังตลาดทั้งในและต่างประเทศคาดจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับเริ่มเข้าช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์  ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรก

ทั้งนี้ บริษัทได้มีกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกช่องทาง ประกอบกับรายได้จากการส่งออกของบริษัทยังเติบโตต่อเนื่อง แม้ภาพรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ของประเทศยังติดลบ

ในส่วนความคืบหน้าล่าสุดการลงทุนด้านพลังงาน บริษัทจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งผลการดำเนินงานจากธุรกิจพลังงาน ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/60 โดยโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล บริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (PWGE) ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

 

อันดับ 4 บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI ราคาหุ้น 10 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 117.50% มาที่ระดับ 1.74 บาท (31 ต.ค.60) บวก 0.94 บาท จากระดับ 0.80 บาท ( 30 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีราคาถูกและง่ายต่อการดันราคา อีกทั้งสัญญาณทางเทคนิคหุ้นเป็นขาขึ้น และนักวิเคราะห์แนะนำให้เข้าลงทุน เนื่องจากมองว่าบริษัทจะได้รับผลดีจากการเปิดตัว Iphone8 ในช่วงเดือนกันยายนส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น

ล่าสุดบริษัทบริษัทรายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 60 มีกำไรมาที่ 8.83 ลบ. โต 609% จากปีก่อนมีกำไร 1.25 ลบ. ขณะที่ 9 เดือนแรกพลิกมีกำไร 17.17 ลบ. จากปีก่อนขาดทุน 1.55 ลบ.และคาดว่าจะมีแรงซื้อเก็งกำไรรอบใหม่เนื่อง บริษัทแอปเปิล อิงค์ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทจะวางจำหน่าย iPhone X ในอีก 13 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยในวันศุกร์ที่ 24 พ.ย.ราคาหุ้นก็น่าจะตอบรับปัจจัยบวกนี้และรวมไปถึงมาตรการช้อปช่วยชาติระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค.60

สำหรับบริษัทประกอบธุรกิจหลักเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่าย (Reseller) ผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้า Apple ทั้งคอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ประเภท iOS และอุปกรณ์เสริมต่างๆ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ ที่สามารถนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ Apple เป็นหลัก เพื่อที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายธุรกิจการบริการให้แก่ลูกค้า โดยมีศูนย์บริการสำหรับสินค้าภายใต้ตราผลิตภัณฑ์ Apple ในนาม Smart Bar รวมทั้งเปิดศูนย์ฝึกอบรมตามมาตรฐาน Apple

 

อันดับ 5 บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ราคาหุ้น 10 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 117.14% มาที่ระดับ 38.00 บาท (31 ต.ค.60) บวก 20.50 บาท จากระดับ 17.50 บาท ( 30 ธ.ค.59) โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากบริษัทมีแผนธุรกิจออกมาโดดเด่น อีกทั้งผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมาสดใส และมีกองทุนบัวหลวงเข้ามาเก็บหุ้นกว่า 8% ยิ่งทำให้นักลงทุนมั่นใจเข้าลงทุนจนราคาหุ้นขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่อง

สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา Digital Business Technology Platform ใหม่ๆ โดยมีแผนเปิดตัวบริการทำธุรกรรมทางออนไลน์รูปแบบใหม่ในครึ่งปีหลังเพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้น และสร้างการเติบโตของรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มบริการ e-Trade Finance Supply Chain ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทำธุรกรรมการนำเข้า-ส่งออก และกลุ่ม e-Business Services ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้หลัก จะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายฐานลูกค้าใหม่และฐานลูกค้าในปัจจุบันที่ใช้บริการทำธุรกรรมผ่านระบบของบริษัท

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ ก็มีการเติบโตได้ดีในทิศทางเดียวกัน และยังคงรักษาความสามารถการทำกำไรได้เป็นที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิ 54.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 42.83 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทให้บริการบริหารจัดทำการประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติ กิจกรรมทางการตลาด การสร้างภาพลักษณ์ทางธุรกิจแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การให้บริการด้านการสร้างสรรค์แหล่งสื่อสารองค์ความรู้ และการผลิตสื่อและเผยแพร่องค์ความรู้ในรูปแบบของดิจิตอล คอนเทนต์ และมีเดีย

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button