10 อันดับหุ้น mai ราคาร่วงไม่หยุด ผลงานครึ่งปีแรกไม่ฟื้น!

แม้ว่าภาวะดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 10 เดือนที่ผ่านจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ดัชนี mai กลับปรับตัวลง โดยมีหุ้นที่ปรับตัวลงแรงกว่าดัชนีจำนวนมาก “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai รอบ 10 เดือนที่ผ่านมา โดยคัดเลือกราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงตั้งแต่ระดับ 30% จนถึงระดับเกิน 60% และเป็น บจ. ที่มีสภาพการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ มานำเสนอให้นักลงทุนได้เห็นภาพชัดเจน


ถึงแม้ว่าภาวะดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วง 10 เดือนที่ผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ดัชนี mai ปรับตัวลดลง 41.32 จุด หรือคิดเป็น 6.70% โดยเทียบจากดัชนียืนอยู่ที่ระดับ 616.27 จุด (30 ธ.ค. 59) มาอยู่ที่ระดับ 574.95 ( 31 ต.ค.60) โดยมีบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ที่ราคาหุ้นยังปรับตัวลดลงแรงกว่าดัชนีจำนวนมาก

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาด mai ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา โดยคัดเลือกราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงตั้งแต่ระดับ 30% ไปจนถึงระดับเกิน 60% และเป็นบจ.ที่มีสภาพการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอ มานำเสนอให้นักลงทุนได้เห็นภาพชัดเจน โดยครั้งนี้มีหุ้นที่น่าสนใจและราคาปรับตัวลงแรง 5 ตัว ประกอบด้วย  EFORL ,DCORP ,KOOL ,VTE และ T

 สำหรับการนำเสนอครั้งนี้จะยกตัวอย่าง 5 อันดับแรกดังนี้

 

อันดับ 1 บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากระดับ 0.27 บาท (ณ 30 ธ.ค.59) มาอยู่ที่ระดับ 0.09 บาท (31 ต.ค.) ลบไป 0.18 บาท หรือลดลง 6.67%

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ผลการดำเนินงานปี 59 ขาดทุนสุทธิ 614.45 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 ประสบผลขาดทุนสุทธิ 99.97 ล้านบาท

อันดับ 2 บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากระดับ 9.20 บาท (ณ 30 ธ.ค.59) มาอยู่ที่ระดับ 3.86 บาท (31 ต.ค.) ลบไป 5.34 บาท หรือลดลง 58.34%

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ผลการดำเนินงานปี 59 ขาดทุนสุทธิ 86.30 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 ประสบผลขาดทุนสุทธิ 18.30 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ยังไม่ชัดเจน โดยล่าสุดบริษัทเลื่อนเข้าทำรายการซื้อหุ้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวภาพจำนวน 2.5 หมื่นหุ้น หรือ 50% ของทุนจดทะเบียน ที่ จ.สุพรรณบุรี

อันดับ 3 บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากระดับ 5.50 บาท (ณ 30 ธ.ค.59) มาอยู่ที่ระดับ 2.80 บาท (31 ต.ค.) ลบไป 2.70 บาท หรือลดลง 49.09%

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 ประสบผลขาดทุนสุทธิ 18.58 ล้านบาท

อันดับ 4 บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากระดับ 3.16 บาท (ณ 30 ธ.ค.59) มาอยู่ที่ระดับ 1.82 บาท (31 ต.ค.) ลบไป 1.34 บาท หรือลดลง 42.41%

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 ประสบผลขาดทุนสุทธิ 87.74 ล้านบาท

อันดับ 5 บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ T ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากระดับ 0.12 บาท (ณ 30 ธ.ค.59) มาอยู่ที่ระดับ 0.07 บาท (31 ต.ค.) ลบไป 0.05 บาท หรือลดลง 41.67%

โดยราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ผลการดำเนินงานปี 59 ขาดทุนสุทธิ 298.99 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 60 ประสบผลขาดทุนสุทธิ 12.65 ล้านบาท

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button