SUPERตั้งกองอินฟราฯฟันด์ปี61 จ่อบุ๊กรายได้รฟฟ.เทียนจินQ4 พร้อมบุกตลาดเวียดนามเฟสแรก100MW

SUPER เลื่อนตั้งกองอินฟราฯปีไป61 พร้อมบุ๊ครายได้รฟฟ."เทียนจิน" Q4 ทันที เดินหน้าลงทุนเวียดนามเฟสแรก 100MW


สืบเนื่องจากกรณีที่คณะกรรมการบริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER มีมติอนุมัติแผนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) โดยมีการแต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าจะสามารถยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และเสนอขายกองทุนได้ภายในปี 60

ล่าสุด นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า บริษัทจะทำการยื่นไฟล์ลิ่งจัดตั้งกองทุน Infrastructure Fund ได้ภายในต้นปี 61 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารและอยู่ระหว่างเจรจากับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

บริษัทจะทำการยื่นไฟล์ลิ่งจัดตั้งกองทุนไปต้นปีหน้าจากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ภายในปลายปีนี้ โดยตอนนี้ยังอยู่ในเรื่องของการเตรียมเอกสาร และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องขั้นตอนการจัดตั้งกองทุนกับทางก.ล.ต. นายจอมทรัพย์กล่าว

ทั้งนี้เบื้องต้นบริษัทจะใช้ทรัพย์สินในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ นำร่องขายผ่านกองทุนฯ โดยมีขนาดกำลังการผลิตเบื้องต้น 100-120 เมกะวัตต์  โดยมีวัตถุประสงค์จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนผ่านอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ไปขยายการลงทุนในอนาคต ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้น

ด้านธุรกิจพลังงานทดแทนบริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มแห่งที่มาของรายได้และกำไร โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในเมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ ขณะนี้สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว ด้วยอัตราค่าไฟ 0.88 RMB/kWh หรือประมาณ 4.40 บาท/หน่วย รายได้เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 150 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/60 หรืออย่างช้าภายในไตรมาส 1/61

ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตในโครงการดังกล่าวเพิ่มอีก 10 เมกะวัตต์ ในช่วงสิ้นเดือนธันวาคมปีนี้ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าปี 60 จะมีรายได้ประมาณ 6 พันล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้าปีหน้ารายได้เติบโต 25% จากปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม โดยก่อนหน้านี้ SUPER ได้ประกาศความร่วมมือ (MOA) กับพันธมิตรโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตรวม 700 เมกะวัตต์ ร่วมกับพันธมิตรในเวียดนาม โดยเฟสแรกมีกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ คาดจะเริ่มลงทุนก่อสร้างได้ต้นปี 2561 เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าการลงทุนรวม 700 เมกะวัตต์จะอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท

โดยบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในประเทศเวียดนามจำนวน 6 บริษัท เพื่อดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม สำหรับโครงสร้างบริษัทในเบื้องต้นจะมีบริษัท ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SUPER WIND) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทถือหุ้น 100% และหรือบริษัทในกลุ่ม SUPER ถือหุ้น 51% ของทุนจดทะเบียน และบริษัทผู้ร่วมทุนในประเทศเวียดนามถือหุ้น 49% ของทุนจดทะเบียน ส่วนโครงสร้างกรรมการ ประกอบด้วยตัวแทนจากบริษัท ซุปเปอร์ วินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด และหรือบริษัทในกลุ่ม SUPER จำนวน 2 คนและตัวแทนจากและหรือบริษัทในกลุ่ม SUPER จำนวน 1 คน

“การขยายธุรกิจพลังงานทดแทนด้วยการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ทั้งประเทศจีน และเวียดนาม นั้น บริษัทมีแหล่งเงินทุนอยู่แล้ว นอกจากนี้บริษัทได้มีการเจรจากับสถาบันการเงินผู้สนับสนุนเงินกู้รายใหญ่ถึงการระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจครั้งใหญ่ ซึ่งผลสรุปออกมาเป็นไปได้ด้วยดี โดยยืนยันว่าบริษัทจะไม่ต้องทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนสำหรับการลงทุนดังกล่าว”  นายจอมทรัพย์ กล่าว

Back to top button