เปิดชื่อ 6 หุ้นสุดช้ำ! โบรกฯหั่นประมาณการกำไรสะท้อนผลงาน Q3/60

เปิดชื่อ 6 หุ้นสุดช้ำ! โบรกฯหั่นประมาณการกำไรทั้งปีลงสะท้อนปัจจัยกดดัน-งบฯ Q3/60 ไม่หรู!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากช่วงประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/60 เสร็จสิ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางนักวิเคราะห์หลายสถาบันต่างออกมาปรับคำแนะนำการลงทุนในบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และแผนงานในอนาคต

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการรวบรวมบริษัทจดทะเบียนที่นักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรทั้งปี 60 ลง เพื่อสะท้อนผลกระทบปัจจัยกดดันต่างๆ โดยมองว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/60 และทั้งปี 60 ยังไม่สดใส ประกอบด้วย AP-BLA- GUNKUL-KCE-THAI และPYLON

โดยครั้งนี้จะนำเสนอบทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด ดังนี้

 

อันดับที่ 1 บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE (FV@B85) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ลงจากเดิม 8 และ 12% ตามลำดับ คาดกำไรสุทธิปีนี้หดตัว 18.5%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่จะกลับมาเติบโต 7.4% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในปีหน้า ยังคงคำแนะนำ ขาย ไปลงทุนใน HANA (FV@B53) แทน

อนึ่ง KCE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 612.41 ล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 786.03 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1.95 พันล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.34 พันล้านบาท

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อยคิดเป็นร้อยละ 13.5 ในไตรมาส 3/60 จากร้อยละ 13.2 ในไตรมาสก่อน

 

อันดับที่ 2 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA (FV@B42) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2560 ลงจากเดิม 29.6% โดยคาดกำไรสุทธิปีนี้หดตัว 38% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่จะพลิกกลับมาฟื้นตัว 49.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในปี 2561 จึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ หลังราคาหุ้นสะท้อนผลกระทบปัจจัยกดดันต่างๆ ไปมากแล้ว

อนึ่ง BLA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 260.59 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 611.77 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1.88 พันล้านบาท ลดลง 39% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3.12 พันล้านบาท

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวพลิกขาดทุน สาเหตุสำคัญมาจากผลกระทบจากการลดลงของอัตราคิดลด (Discount rate) ซึ่งทำให้บริษัทมีภาระต้องตั้งเงินสำรองพิเศษ (LAT Reserve) เพิ่มขึ้นจำนวนถึง 1,685 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 3/59 บริษัทบันทึก LAT Reserve จำนวน 824 ล้านบาท สำรองที่ตั้งเพิ่มขึ้นสะท้อนค่าใช้จ่ายอยู่ในงบกำไรขาดทุนของบริษัท


อันดับที่ 3
บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL (FV@B5) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-61 ลงจากเดิม 16.5 และ 18.4% ตามลำดับ แต่คาดยังเติบโต 19.7%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ 60.2%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในปีนี้และปีหน้า ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาหุ้นปัจจุบันยัง laggard กลุ่มฯ มาก

อนึ่ง GUNKUL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 140.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 11% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 125.43 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 453.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 393.13 ล้านบาท

 

อันดับที่ 4 บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ([email protected]) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2560-61 ลงจากเดิม 3.9 และ 2.2% ตามลำดับ แต่คาดยังเติบโต 10.9% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ 10.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ในปีนี้และปีหน้า ยังคงคำแนะนำ ซื้อ พร้อมคาดหวัง Div.Yield ราว 4%

อนึ่ง AP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 636.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 456.55 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 456.55 ล้านบาท

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวพลิกมีกำไร เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น

 

อันดับที่ 5 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด แนะนำ “ขาย” THAI ให้ราคาพื้นฐาน 16.7 บาท (เดิม 16.0) โดยมองว่าการปลดธงแดงของ ICAO ไม่ได้มองเป็นบวก ต่อ THAI เนื่องจากมีความเสี่ยงจากการแข่งขันของ low cost airline เพิ่มขึ้น ปรับกำไรลง 1-2.5% ปี 60-61 แต่ roll-over เป้าหมายไปปี 61

อนึ่ง THAI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีผลขาดทุนสุทธิ 1.82 พัน ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีผลดขาดทุนสุทธิ 1.60 พันล้านบาท

ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกมีผลขาดทุนสุทธิ 3.88 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.47 พันล้านบาท

 

 

อันดับที่ 6 บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON โดย บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด แนะนำ “ถือ” PYLON ให้ราคาพื้นฐาน 12.5 บาท (เดิม 13.5 บาท) โดยมองว่าการก่อสร้างที่ล่าช้าส่งผลให้เกินภาวะ Oversupply ระยะสั้น มองกำไรไตรมาส 3/60 จะอ่อนแอต่อ ปรับกำไรลง 40% ปีนี้ และ 18% ปีหน้า ทั้งนี้เราชอบ SEAFCO มากกว่า ด้วย valuation ที่ต่ำกว่าด้วย PE 18 13 เท่า และการเติบโตกำไรที่มีเสถียรภาพ

อนึ่ง PYLON รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 4.74 ล้านบาท ลดลง 88% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 41.57 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 76.85 บาท ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 119.57 ล้านบาท

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

Back to top button