เปิดเมนู 15 หุ้นร้อน SET ปรับขึ้นตามตลาดตปท.

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก และประเมินว่าการปรับฐานของดัชนีใกล้สิ้นสุด ขณะที่ราคาน้ำมันชะลอการปรับตัวลงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มนำตลาดโดยคาดว่าคาดจะเป็นกลุ่มค้าปลีก และธนาคาร


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.40 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.82 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงวอลมาร์ท และซิสโก ซิสเต็มส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก และประเมินว่าการปรับฐานของดัชนีใกล้สิ้นสุด ขณะที่ราคาน้ำมันชะลอการปรับตัวลงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน การลงทุนเน้นกลุ่มที่มีแนวโน้มนำตลาดโดยคาดว่าคาดจะเป็นกลุ่มค้าปลีก และธนาคาร หุ้นเด่นเลือก BBL, KBANK, TMB, KTB, WHA, SAT, M, ASAP HTECH, III, AGE, AAV, ERW CPALL และ BJC

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (17 พ.ย.) คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นตามตลาดสหรัฐที่เมื่อคืนที่ผ่านมาดีดขึ้นค่อนข้างแรง ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติให้ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน ถือว่าเป็นข่าวดี แต่ยังต้องรอการพิจารณาจากวุฒิสภาสหรัฐต่อไป ซึ่งคาดว่าจะนำมาใช้ไม่ทันในปีนี้ ประกอบกับผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐฯ 2 แห่ง ทั้งบริษัท วอลมาร์ท และบริษัท ซิสโก ซิสเต็มส์ ที่งบการเงินออกมาดีกว่าคาด

ส่วนราคาน้ำมันชะลอการลง และมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากมองแรงหนุนจากการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ส่วนบ้านเราก็น่าจะได้แรงหนุนจากงาน SET in the City ทำให้ช่วงนี้น่าจะมีเม็ดเงินจาก กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มาช่วยหนุนตลาดได้บ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,690 – 1,685 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 – 1,705 ถัดไป 1,710 จุด

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (17 พ.ย.) ประเมินการปรับฐานของดัชนีใกล้จบลงเนื่องจาก การขายของนักลงทุนต่างประเทศช่วงสองเดือนที่ผ่านมาถึง 2.2 หมื่นล้านบาทนั้นถือว่าขายมาแล้วค่อนข้างมาก อาจขายต่อไม่มากขณะที่กองทุนฯยังมีแนวโน้มซื้อหุ้นต่อ ด้วยปัจจัยบวกในเรื่องของ GDP ของไทย ที่ยังขยายตัวดี (ธปท.ระบุ GDP ปี 60-61 ขยายตัวได้ใกล้ๆ 3.8%) และดัชนีฯ ยังไม่น่าต่ำกว่าระดับ 1,680 จุด

กลยุทธ์ลงทุน มองตลาดมี downside น้อยลง ภาพรวม แนะนำเป็น “ถือ”  สำหรับการเข้าซื้อ เน้นหุ้นกลุ่มนำตลาดที่คาดจะเป็น ค้าปลีก+ธนาคาร หุ้นขนาดใหญ่ ได้แก่ CPALL , BBL หรือหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว หรือแม้กระทั่งผลประกอบการมีแนวโน้มดีหุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน

สำหรับหุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TMB, WHA, SAT, M, ASAP หุ้นแนะนำทางเทคนิค: HTECH, III, AGE

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (17 พ.ย.) วันนี้ได้แรงหนุนจากดัชนีในภูมิภาค ประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 32.90 บาท/ดอลลาร์ สะท้อนความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ หลังจากต่างชาติซื้อพันธบัตรในสัปดาห์นี้จำนวน  1.04 หมื่น ลบ. ยังเป็นปัจจัยหนุนการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ผลประกอบการ บจ. ในช่วง Q4 นี้คาดฟื้นตัวดี QoQ, YoY จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเมินดัชนีมีแนวรับ 1,680 – 1,690 จุด และแนวต้าน 1,710 – 1,720 จุด แนะนำซื้อกลุ่มธนาคาร เช่น BBL, KBANK, TMB, KTB (+คาดสินเชื่อ Q4 ฟื้นตัว) กลุ่มท่องเที่ยว AAV, ERW และกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC

Back to top button