PTTจ่อบุ๊คกำไร1.60พันลบ.หลังขายหุ้นSPRCหมดหน้าตัก-ลุ้นผลประมูลแหล่งปิโตรเลียมใหม่ต้นปี 61

PTT ลุยประมูลซื้อกิจการโครงการปิโตรเลียมขั้นต้น 1 แห่งคาดเห็นความชัดเจนช่วงต้นปี 61 พร้อมรอบันทึกกำไรจากการขายหุ้น SPRC ที่ถืออยู่ทั้งหมด 5.41% มูลค่าราว 1.60 พันลบ.ในช่วงไตรมาส 4/60


นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมยื่นเสนอประมูลซื้อกิจการโครงการปิโตรเลียมขั้นต้น (Upstrem) 1 แห่งในช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะรู้ผลได้ในช่วงต้นปี 61

ขณะที่การขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 5.41% ใน บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เมื่อสัปดาห์ก่อนคิดเป็นมูลค่าราว 3.7 พันล้านบาทนั้น คาดว่าจะบันทึกกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าวได้ในไตรมาส 4/60

ทั้งนี้เมื่อคำนวณกำไรที่ PTT จะได้รับจากการขายหุ้น SRPC ในครั้งนี้ ซึ่ง PTT มีสัดส่วนการถือครองหุ้นก่อน SPRC จะเข้าซื้อขาย IPO ที่ราคา 9.00 บาท ดังนั้น จึงคิดต้นทุนขั้นต่ำจากราคา IPO ที่ 9.00 บาท คำนวณกับราคาหุ้นที่จำหน่ายในกระดานวันนี้ (16 พ.ย.60) 15.80 บาท จะเท่ากับว่า PTT มีกำไรอยู่ที่ 6.80 บาทต่อหุ้น ซึ่ง PTT ทำการขายหุ้นออกมาทั้งหมด จำนวน 234.56 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรที่จะได้รับจากการขายหุ้นทั้งหมด 1.60 พันล้านบาท

“ไม่แน่ใจว่าจะมีกำไรระดับเท่าไหร่ แต่ก็ base on ต้นทุนราคาในช่วงที่เคยขายหุ้นพร้อมกับการทำ IPO ของ SPRC ซึ่งคาดว่าจะบันทึกกำไรเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้” นายวิรัตน์ กล่าว

ด้านนายวิศาล ชวลิตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดต่างประเทศของ PTT เปิดเผยว่า ปตท.ยังคงนำธุรกิจน้ำมันเดินหน้ารุกตลาดอาเซียนต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะสร้างแบรนด์ปตท.ให้เป็นที่รู้จักและเป็น region top brand โดยตามแผน 5 ปี จะมีสถานีบริการน้ำมันในอาเซียน 535 แห่ง จาก 190 แห่งในปัจจุบัน และร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน 400 สาขา จาก 120 สาขาในปัจจุบัน และร้านจิฟฟี่ 120 สาขา จาก 30 สาขาในปัจจุบัน

ปัจจุบันปตท.มีฐานการทำธุรกิจน้ำมันในอาเซียนอยู่ 4 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์, ลาว, กัมพูชา และเมียนมา โดยการขยายเข้าไปตลาดลาว และกัมพูชา เพราะแบรนด์ของปตท.เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยม ขณะที่ตลาดฟิลิปปินส์ถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโต ส่วนในเมียนมาปัจจุบันไม่ได้เข้าไปลงทุนเอง เพราะยังติดข้อกฎหมาย แต่ก็ได้ทำตลาดด้วยการขายน้ำมันให้ลูกค้าโดยใช้แบรนด์ปตท.ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ปตท.อยู่ระหว่างการศึกษาการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในเมียนมา เพื่อทำธุรกิจน้ำมัน หลังจากล่าสุดได้รับทราบว่าเมียนมาเปิดโอกาสให้เข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นได้เท่านั้น โดยยังไม่อนุญาตให้เข้าลงทุนทั้ง 100% ทำให้ปตท.จะเข้าไปร่วมลงทุนและมีโอกาสลงทุนสถานีบริการน้ำมันได้เอง และยังอยู่ระหว่างการพิจารณาสร้างคลังน้ำมันในบริเวณพื้นที่ติลาวาคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า

นอกจากนี้ปตท.ยังศึกษาการตั้งคลังน้ำมันในประเทศฟิลิปปินส์ อีก 1 แห่ง จากปัจจุบันที่เป็นเพียงการเช่าคลังน้ำมันอยู่ 2 แห่ง ทางตอนเหนือของกรุงมะลิลา ขนาด 90 ล้านลิตร และ 20 ล้านลิตร ซึ่งการสร้างคลังน้ำมันเป็นของตนเองในครั้งนี้คาดว่าจะอยู่พื้นที่ตอนใต้ เพื่อที่จะแก้ปัญหาหากพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งประสบปัญหาขาดแคลนอาจอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยในประเทศฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าจะสรุปผลได้ในปีหน้า และใช้เวลาก่อสร้างราว 1-2 ปี

“เราอยากจะเข้าไปในทุกตลาดของอาเซียน โดยเฉพาะในส่วนของ oil แต่บางประเทศยังไม่เปิดโอกาส อย่างมาเลเซีย เวียดนาม บูรไน ยังไม่เปิดเสรีให้ต่างชาติเข้าไปทำน้ำมันได้ เราก็เอาในส่วนของ non-oil เข้าไปก่อน ตอนนี้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเราเข้าไปในทุกตลาดของอาเซียนได้แล้ว ส่วนคาเฟ่ อเมซอน ร้านค้าปลีก ก็ทยอยเข้าไป” นายวิศาล กล่าว

นายวิศาล กล่าวอีกว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างศึกษาการเข้าไปทำตลาดร้านคาเฟ่ อเมซอน ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม โดยคาดว่าจะเข้าจะเห็นความชัดเจนได้ในปีหน้า

 

Back to top button