ช้อป 8 หุ้นค้าปลีกตัวท็อป! โชว์กำไร Q3 สุดหรู พร้อมชี้ EPS โตโดดเด่นปี 60

ช้อป 8 หุ้นค้าปลีกตัวท็อป! โชว์กำไร Q3 สุดหรู พร้อมชี้ EPS โตโดดเด่นปี 60


ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการแจ้งงบการเงินไตรมาส 3/60 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) โดยตัวเลขผลการดำเนินงานงวดดังกล่าวออกมาแข็งแกร่ง อาทิ กลุ่มอสังหาฯ ปิโตรเคมี พาณิชย์ เป็นต้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมบริการหมวดธุรกิจพาณิชย์ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ประกาศผลงานออกมาได้โดดเด่นและมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า กลุ่มค้าปลีก รับแนวโน้มบริโภคฟื้นตัว ยังเป็น Timing ที่ดีต่อเนื่องไปถึง 1H18 ผสานรัฐบาลเตรียมกระตุ้นรากหญ้าเพิ่มเติมวงเงิน 2แสนล้านบาท (Let profit run กลุ่มนำ ROBINS, CPALL, HMPRO และซื้อกลุ่มรอง FN, S11, TK, KAMART, JUBILE, PM)

บล.เอเอสแอล ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนเน้นกลุ่ม Domestic ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ก่อสร้าง ค้าปลีก ท่องเที่ยวและโรงแรม สำหรับกลุ่มค้าปลีกเน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการช็อปช่วยชาติ FN JUBILE MC MBK SYNEX COM7 เป็นต้น  ส่วน CPALL, BJC,ROBINS การบริโภคฟื้นตัวและดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยดีขึ้นต่อเนื่อง และ คาดการศก.ไทยที่เติบโตและนโยบายสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชน ถือเป็นบวกต่อผลประกอบการไตรมาส 3 กลับมาโดดเด่นกว่าที่ตลาดคาด

ดังนั้น“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”จึงทำการรวบรวมข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 3/60 กลุ่มพาณิชย์มานำเสนอโดยข้อมูลครั้งนี้นำมาจาก บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด โดยครั้งนี้ได้คัดเลือกหุ้นที่มีกำไรสุทธิเติบโตเกิน 20% อาทิ IT,FTE,COM7,BEAUTY,MEGA,COL,HMPRO,CPALL

ขณะเดียวกันยังได้รวบรวมหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรต่อหุ้น (Earning per Share หรือ EPS) ปี 60 เติบโตโดดเด่นมานำเสนอ รวมทั้งแนวโน้มราคาหุ้นในช่วงที่มาปรับตัวขึ้นลงอย่างไรบ้างเพื่อเป็นแนวทางในการเข้าลงทุน โดย 5 อันดับแรกหุ้นกลุ่มพาณิชย์ที่ทำกำไรไตรมาส 3/60 โดดเด่นมีดังนี้

อันดับ 1 บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ IT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไร 23.13 ล้านบาท โต 95.81% จากไตรมาส 3/59 มีกำไร 11.81 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า IT คาดกำไรไตรมาส 4/60 สดใส เพราะเป็นหนึ่งในผู้ทีได้ประโยชน์โดยตรงจากช้อปช่วยชาติ ซึ่งมักกระตุ้นยอดขายให้สูงขึ้นจากภาวะปกติราว 10-15% อีกทั้งเป็นช่วงเปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X ซึ่งดีทั้งกับ IT City Mobile และ SPVI (IT ถือ 29%)

คาดกำไรสุทธิปีนี้ 68 ลบ. +441% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและปีหน้า 79 ลบ. +16% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนราคาปิดเมื่อวานคิดเป็น PE และ PBV ปีหน้าเพียง 17 เท่า และ 1.3 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มซื้อขายสินค้าไอทีที่ 25 เท่า และ 3.5 เท่า ตามลำดับแนะนำซื้อราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 6.90 บาท

 

อันดับ 2 บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไร 40.10 ล้านบาท โต 86.89% จากไตรมาส 3/59 มีกำไร 21.46 ล้านบาท  เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 01 เม.ย. 2560 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2560  และกำไรสะสม เป็นเงินสดจำนวน 0.07 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 20 พ.ย.60 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 ธ.ค.60

 

อันดับ 3 บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไร 150.62 ล้านบาท โต 65.97% จากไตรมาส 3/59 มีกำไร 90.75 ล้านบาท

โดยปัจจัยหลักในการเพิ่มขึ้นของรายได้เป็นผลมาจากช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการเติบโตของรายได้อย่างมีนัยสำคัญจากกลุ่มธุรกิจ Banana Business ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าองค์กร รวมทั้งกลุ่มสถานศึกษา และกลุ่ม e-commerce ผ่านทางเว็บไซต์ bananastore.com โดยยอดขายรวมของบริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกหน่วยธุรกิจและทุกกลุ่มสินค้า

บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 60 ทะลุ 2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่ 1.72 หมื่นล้านบาท โดยแนวโน้มในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจว่าจะเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตสูงสุดเหมือนปีก่อน ๆ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ และมีสินค้าใหม่ทยอยออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะการวางจำหน่ายสินค้ารุ่นเรือธงของ Apple ทั้ง iPhone 8, iPhone 8 plus และปลายเดือนพ.ย.มี iPhone X ที่จะออกมาสร้างสีสันให้กับตลาดไอทีคึกคักกว่าเดิม ขณะเดียวกันยังมีสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ทยอยออกรุ่นใหม่มาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน สนับสนุนยอดขายของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้

 

อันดับ 4 บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไร 348.20 ล้านบาท โต 65.61% จากไตรมาส 3/59 มีกำไร 210.25 ล้านบาท

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า BEAUTY  ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 22.30 บาทจาก 16.20 บาท จากการปรับเพิ่มกำไรปี 2560-62 และเป้าหมาย PER ล่วงหน้าของเราเป็น 33 เท่าจาก 28 เท่า เพื่อสะท้อนถึงภาพรวมการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตที่ดีในตลาดจีน

ทั้งนี้กำไรไตรมาส 3/2560 ออกมาสูงกว่าที่คาด เพราะการที่ BEAUTY จัดงานสังสรรค์กับบริษัทค้าปลีกจีนนั้นช่วยกระชับความสัมพันธ์มากขึ้น เห็นได้จากการเติบโตด้านยอดขายที่น่าประทับใจ โดยเชื่อว่ายอดขายจากกลุ่มค้าปลีกจีนจะยังเป็นแรงหนุนการเติบโตกำไรในปี 2561-62 อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้เชื่อว่าการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของจีนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในครึ่งหลังของปี 2561 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะก่อให้เกิด upside ในปี 2561 ซึ่งจะช่วยให้ BEAUTY สามารถจัดตั้งช่องทางการขายอย่างเป็นทางการในจีนได้ ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 10 เท่า

 

อันดับ 5 บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA  รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไร 246.01 ล้านบาท โต 46.53% จากไตรมาส 3/59 มีกำไร 167.89 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของรายได้ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We CareTM เพิ่มขึ้น

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนะนำ”ซื้อ” หุ้น MEGA ให้ราคาเป้าหมาย 50 บาท/หุ้น โดยแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/60 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากรายได้ที่เติบโตแข็งแกร่งจากธุรกิจ Mega We Care เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับผลิตภัณฑ์ยาและอาหารเสริมและการขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา

นอกจากนี้ธุรกิจ Maxxcare จะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งจากความต้องการกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีอัตราการบริโภคสูงและลูกค้ารายใหม่ในประเทศเมียนมาร์เพื่อทดแทนการสูญเสียลูกค้ารายเดิมในไตรมาส 1/60 อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้นในธุรกิจ Mega We Care (ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าธุรกิจอื่นๆ)

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน   

Back to top button