เปิดโผ 5 หุ้นตัวท็อป SET โชว์กำไร Q3 โตกระฉูดเกิน 1,000%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ไตรมาส 3/60 และงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 60 ที่มีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น มานำเสนอ โดยในครั้งนี้ได้คัดเลือกบริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตเกิน 1,000% ซึ่งหุ้นที่คัดเลือกมามี 5 ตัว


บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นำส่งผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนแรกปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 มีกำไรสุทธิ 707,776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่ได้รับผลบวกจากยอดขายที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคและหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ไตรมาส 3/60 และงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 60 ที่มีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น มานำเสนอ โดยในครั้งนี้ได้คัดเลือกบริษัทที่มีกำไรสุทธิเติบโตเกิน 1,000% ซึ่งหุ้นที่คัดเลือกมามี 5 ตัว คือ BANPU, PRG, WHA, ASIAN และ TCJ ดังตารางประกอบดังนี้

 

อันดับ 1 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 มีกำไรสุทธิ 2.02 พันล้านบาท โต 2,788.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 70.12 ล้านบาท

โดยกำไรเพิ่มขึ้นมากจากราคาตลาดถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้าหงสาและ BLCP เป็นไปตามแผน ส่งผลให้รายได้จากการไตรมาส 3/60 มาที่ 24,026 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหรือคิดเป็นร้อยละ 23 ส่วนงวด 9 เดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิ 5.72 พันล้านบาท โต 3,301.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 168.14 ล้านบาท

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BANPU ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย 26 บาทต่อหุ้น โดยกำไรไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีสนับสนุนจากราคาถ่านหินเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มเป็น 73.83 เหรียญสหรัฐต่อตันจาก 50 เหรียญสหรัฐต่อตัน ท่ามกลางปริมาณขายที่ลดลงเหลือ 8.99 ล้านตัน สาเหตุหลักมาจากภาวะฝนตกหนัก ส่งให้ปริมาณขายของเหมืองในอินโดนีเซียลดลง 1.49 ล้านตัน ขณะเดียวกันกำไร 9 เดือนแรกปี 60 เทียบเท่า 65.12% ของประมาณการกำไรทั้งปี 60 ที่ 8,784 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/60 ยังโตต่อตามราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากการควบคุมการนำเข้าถ่านหินและความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาวของจีน ส่งให้ปริมาณความต้องการถ่านหินปรับเพิ่มตาม ทั้งนี้จากผลประกอบการที่ดีทำให้มีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการตลอดทั้งปี โดยคาดกำไรสุทธิปี 60-62 จะมี CAGR เฉลี่ยอยู่ที่ 21.61%

อันดับ 2 บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) หรือ PRG รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 มีกำไรสุทธิ 158.39 ล้านบาท โต 1,649.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 9.05 ล้านบาท

เนื่องจากไตรมาส 3/60 รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 538 ล้านบาท หรือ 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 447 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากเงินปันผลไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 169 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 3 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิ 309.20 ล้านบาท โต 76.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 175.50ล้านบาท

อันดับ 3 บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.60 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 550.85 ล้านบาท โต 1,088.50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 42.56 ล้านบาท

เนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นเป็น 1,586.10 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,408 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 563.40 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 220.50 ล้านบาท

ส่วนงวด 9 เดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิ 1.55 พันล้านบาท โต 213.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 497ล้านบาท นอกจากนี้ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 60 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 60 เป็นเงินสด 0.0488 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 22 พ.ย. 60 และจ่ายปันผลวันที่ 8 ธ.ค. 60

อันดับ 4 บริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยนซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 60 มีกำไรสุทธิ 111.95 ล้านบาท โต 1,058% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 9.67 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 มีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและยอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิ 312.20 ล้านบาท โต 949.80 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 29.70ล้านบาท

บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตเฉลี่ย 10-15% ทุกปี ตามแผนเป้าหมายในปี 63 โดยในปีหน้าคาดว่าการเติบโตเฉลี่ยที่ 10-15% จะมีปัจจัยหลักจากการพัฒนาธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าสู่กลุ่มสินค้าระดับพรีเมียม

บริษัทยังมีแผนก่อสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติในปีหน้า โดยใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเซ็นสัญญากับผู้รับเหมา โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในต้นปีและกำหนดเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 15,000 พาเลท นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนลงทุนในส่วนอื่น ๆ ด้วย ภายใต้งบประมาณลงทุนตามนโยบายให้ไม่เกินค่าเสื่อมราคาของทุกปี

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 4/60 บริษัทคาดว่าจะออกมาค่อนข้างดี ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้ทั้งปี 60 ทำได้ตามเป้าหมายใหม่ที่ 1 หมื่นล้านบาท หลังจากปรับลดเป้าหมายลงมาจากเดิมที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจกุ้งแช่แข็ง เนื่องจากมีอุปสงค์ค่อนข้างมากโดยเฉพาะจากความต้องการนำเข้าของจีน แต่ยังมีผู้ผลิตที่เป็นคู่แข่งอย่างอินโดนีเชียและอินเดีย ทำให้เกิดการแข่งขัน และสร้างแรงกดดันด้านราคา แต่มองว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น และเห็นพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง

อันดับ 5 บริษัท ที.ซี.เจ.เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ TCJ รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/60 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 60 มีกำไรสุทธิ 16.39 ล้านบาท โต 1,051.30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 1.42  ล้านบาท

เนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 3/60 เพิ่มขึ้นเป็น 381.38 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 301.64 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนปี 2560 มีกำไรสุทธิ 41.81 ล้านบาท โต 319.50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 9.97ล้านบาท

บริษัทฯ มั่นใจว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คาดรายได้จะเติบโต10% และจะพลิกกลับมามีกำไรจากปี 59 มีผลขาดทุน 2.20 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจนำเข้า ส่งออก จำหน่าย เครื่องจักรกลที่ใช้ในงานก่อสร้าง รถยก หรือ ยานยนต์อุตสาหกรรมเพื่อการจัดการ คลังสินค้า เครนติดหลังรถบรรทุก

รวมถึงธุรกิจนำเข้า ส่งออก แปรรูป จำหน่ายและติดตั้ง สินค้าประเภทเหล็กกล้าไร้สนิม ประเภท ท่อแบน แผ่น เพลาอุปกรณ์และเหล็กรูปพรรณ ที่มีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ตามงานก่อสร้างของภาครัฐยังคงได้อานิสงส์จากการเร่งรัดการลงทุน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนอกเหนือจากโครงการขนาดเล็กแล้ว ภาครัฐยังเร่งขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งโครงการใหม่และโครงการต่อเนื่อง

Back to top button