พักเอาแรง

*ก่อนอื่นขอเรียนให้ทราบตามตรงว่า การทรุดตัวของดัชนีลงมายืนอยู่ที่ 1,707.38 จุด ลบไป 5.75 จุด ด้วยมูลค่า 4.73 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนพอจะเข้าใจ เพราะมันเริ่มออกอาการให้เห็นตั้งแต่สัปดาห์ และในช่วงกลางสัปดาห์ก็มีการยื้อยุดชุดกระชากกันให้เห็นเต็มลูกตา จึงเป็นช็อตที่นักเล่นต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านตั้งแต่เนิ่นๆ หลังปัจจัยบวกโผล่ขึ้นมาหร็อมแหร็มเหลือเกินค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ก่อนอื่นขอเรียนให้ทราบตามตรงว่า การทรุดตัวของดัชนีลงมายืนอยู่ที่ 1,707.38 จุด ลบไป 5.75 จุด ด้วยมูลค่า 4.73 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนพอจะเข้าใจ เพราะมันเริ่มออกอาการให้เห็นตั้งแต่สัปดาห์ และในช่วงกลางสัปดาห์ก็มีการยื้อยุดชุดกระชากกันให้เห็นเต็มลูกตา จึงเป็นช็อตที่นักเล่นต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านตั้งแต่เนิ่นๆ หลังปัจจัยบวกโผล่ขึ้นมาหร็อมแหร็มเหลือเกินค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้การลงทุนช่วงนี้เป็นอะไรที่น่าอึดอัดใจอีกครั้ง เพราะดัชนีดันมีอาการ “ขึ้นไม่สุด ลงไม่สุด” พร้อมกับตีกรรเชียงออกด้านข้างไปเรื่อยๆ แต่ยังคงรักษากรอบขึ้นลงใหญ่ไว้ได้แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นจังหวะที่ผู้คนเริ่มชะลอการลงทุนอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเริ่มต่ำกว่าระดับ 5 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง และอาจลดลงอีกหากบรรยากาศยังตึงๆ เช่นนี้นะจ๊ะ

*เมื่อทุกอย่างออกไปในรูปนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เท่ากับเป็นเครื่องยืนยันว่า ดัชนีควรจะพักฐานอย่างจริงจังเสียที เพื่อเป็นการพิสูจน์แรงรับหุ้นยังรอที่จุดแนวรับสำคัญ และยังเป็นการประคองทรงหุ้นให้ยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่บรรดาเซียนหุ้นเข้าใจได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองปรับมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนเที่ยวนี้ให้คล้อยตามกับสิ่งที่เกิดขึ้นล่ะค่ะ

*เหมือนกับแรงเทขายที่ดาหน้าถล่มกลุ่มสื่อสารไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน ก็เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องการประมูลคลื่นรอบใหม่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้วก่อนหน้านี้ และตอนนี้เริ่มกลับมาเกิดขึ้นให้เห็นอีกครั้ง “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้แฟนคลับเริ่มกระบวนการ “คิด วิเคราะห์ แยกแยะ” เพื่อจะได้รู้ตัวเองว่าจังหวะนี้ควรทำตัวอย่างไรนะจะบอกให้

*ส่วนรายที่ชัดเจนแน่ๆ อย่างเช่นดีแตก DTAC กลายเป็นหุ้นไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเที่ยวมากสุด เพราะมีปัญหาค้างคาใจกับทางการหลายเรื่อง แถมแต่ละเรื่องก็ส่งผลต่ออนาคตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ จึงทำให้คนที่ถือหุ้นถอยร่นกันเป็นจำนวนมาก วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมานอนกลิ้งอยู่ที่ 42.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 374 ล้านบาท “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า หากไม่เคลียร์ปัญหาให้เสร็จเร็วๆ หุ้นจะซึมลงไปเรื่อยๆ นะคะ

*อีกรายที่ออกอาการเป๋ให้เห็นชัดเจน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้น TKS เป็นลำดับแรกก่อนใครเพื่อน เพราะแรงเทขายที่พรั่งพรูออกมาเป็นจำนวนมากวานนี้ ทำให้หุ้นหลุดแนวรับสุดท้ายลงมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 12.10 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 8.30% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท มันทำให้จังหวะต่อจากนี้จะมีแรงเทขายไหลออกมาอีกเรื่อยๆ ภาพของหุ้นในระยะสั้นถึงดูไม่ดีเอาเสียเลยจ้า

*เหมือนกับในรายของ PRM อุตส่าห์ประคองตัวที่บริเวณแนวรับ 12 บาทมาระยะหนึ่ง แต่วานนี้ดันถูกเทขายอย่างหนัก จนหลุดแนวรับสุดท้ายที่บริเวณ 11.70 บาท แต่ยังตีตื้นขึ้นมาได้นิดหน่อย ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 11.60 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่า 563 ล้านบาท “โมนิก้า” มองภาพเหตุการณ์ในลักษณะนี้ได้ 2 แบบคือ ยังมีลุ้นเด้งกลับขึ้นมาได้ กับ โดนถล่มเทขายลงมาอีก จึงต้องติดตามดูกันว่า วันนี้จะเป็นอย่างไร?

*เช่นเดียวกับในรายของ WORK ก็อยู่ในทิศทางโค้งตัวลงอย่างชัดเจน พร้อมกับทำให้โมเมนตัมเสียไปในทันที หลังหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 89 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่า 464 ล้านบาท  แต่โชคดีที่สามารถยืนเหนือแนวรับ 86 บาทได้เสียก่อน เพราะถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวลงมาอีก อาจต้องไปรอดูที่แนวรับสุดท้ายบริเวณ 72 บาทโน้นเลยทีเดียว ก็เลยเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ต้องลุ้นกันต่ออีกหนึ่งวันนะคะ

*เม้าท์ถึงหุ้นใหญ่เยอะพอสมควรแล้ว ย้ายอารมณ์มาดูหุ้นน้องใหม่ที่เสียทรงตามกันไปบ้างดีกว่า ตัวแรกที่ต้องเอ่ยถึงคงเป็นในรายของ RSP เข้ามาเทรดก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ และทำท่าจะไปได้สวยเลยทีเดียว แต่จับพลัดจับพลูอีท่าไหนไม่รู้ ราคาหุ้นไหลลงจากระดับ 8.40 บาทมาเรื่อยๆ จนวานนี้ลงมายืนอยู่ที่ 6.15 บาท ลบไปอีก 0.35 บาท หรือลงไป 5.40% โดยที่ราคาขาย IPO อยู่ที่ 5.80 บาทแบบนี้..หมายความว่า อะไร?..ไปคิดกันดูนะจ๊ะ

*คล้ายคลึงกับในรายของหุ้นน้องใหม่ SKE พอเริ่มเทรดเป็นวันที่ 2 แรงเทขายก็ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน จนหุ้นลงมาปิดที่ 2 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 5.70% ด้วยมูลค่า 187 ล้านบาท เทียบกับราคาขาย IPO ที่ระดับ 1.80 บาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงมากเกินจะบรรยาย เพราะมันหมายถึงผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกที่จะขายหุ้นออกไปก่อน โมเมนตัมของหุ้นถึงดูไม่ดีเอาเสียเลยค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวเทียบได้กับหุ้นน้องใหม่สดๆ ซิงๆ อย่างเช่น THMUI ทำการเปิดเทรดวันแรกอย่างเป็นทางการ ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปถึง 3.04 บาท ต่อจากนั้นมีอาการช็อกกลางอากาศขึ้นมาดื้อๆ หุ้นเลยไหลลงมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายลงมาปิดที่ 2.42 บาท ลบไป 0.13 บาท หรือลงไป 5.10% ด้วยมูลค่า 792 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดต่ำกว่าราคา IPO ที่ระดับ 2.55 บาทแบบนี้..เสี่ยจ๋อยช่วยอธิบายได้ไหมจ๊ะ

*เม้าเรื่องหนักๆ กันมาทั้งที “โมนิก้า” ขอต่ออีกช็อตในวันจันทร์หน้ากันไปเลยดีกว่า เพราะเดี๊ยนมีเรื่องเตรียมแฉเยอะมากมาย จึงอยากเล่าสู่กันฟังตามประสาคนปากมากนะจะบอกให้

Back to top button