LHFund ขายกอง LHINDIA-E ถึง 13 ธ.ค.นี้

LHFund ออกกองทุน LHINDIA-E เน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในประเทศอินเดีย เสนอขายวันนี้-13 ธ.ค.นี้


นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ บล.แอล เอช ฟันด์ (LHFund) เปิดเผยว่า แอล เอช ฟันด์ มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศอินเดีย ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 และเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศในภูมิภาคเอเชียต่อไป โดยคาดว่าจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินนโยบายของนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีอินเดียคนปัจจุบัน ที่มีนโยบายพัฒนาอินเดียเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและบรรยากาศภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย

โดยภาพรวมดัชนี BSE SENSEX ของอินเดียในปีนี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างร้อนแรง โดยในรอบปีนี้ดัชนีปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 30,000 จุดและปัจจุบันอยู่ที่ระดับกว่า 32,000 จุด โดยมีปัจจัยมาจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี  แนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและความเชื่อมั่นต่อภาคการลงทุนในตลาดเงินและตลาดทุน ดังนั้น  แอล เอช ฟันด์ จึงมองว่าเป็นจังหวะดีที่จะกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย

ทั้งนี้จากปัจจัยบวกดังกล่าว ในวันที่ 27 พ.ย.-13 ธ.ค. นี้ แอล เอช ฟันด์จะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด แอล เอช อินเดีย-E หรือ LH INDIA-E Fund (LHINDIA-E) เป็นครั้งแรก โดยเป็นกองทุนประเภท Fund of Funds ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ

โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในประเทศอินเดีย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 12 ครั้ง และกำหนดมูลค่าการซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำในครั้งแรกและครั้งถัดไป 5,000 บาท

สำหรับกองทุนดังกล่าว จะลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุน ในสัดส่วนกองทุนละไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

ส่วนที่เหลืออาจพิจารณาลงทุนทั้งในและต่างประเทศในเงินฝากธนาคาร ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิ รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นๆ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นกองทุนเปิด

ทั้งนี้ แอล เอช อินเดีย-E จะเข้าลงทุนในกองทุน iShares MSCI India ETF ในสัดส่วนประมาณ 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย โดย ณ วันที่ 30 ก.ย.60 กองทุนลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ การเงิน คอมพิวเตอร์ – ซอฟท์แวร์ สินค้าฟุ่มเฟือย พลังงาน และสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

ขณะเดียวกันจะเข้าลงทุนในกองทุน iShares MSCI India Small-Cap ETF สัดส่วนประมาณ 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของดัชนีหุ้นขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย โดย ณ วันที่ 30 ก.ย.60 กองทุนลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หมวดสินค้าฟุ่มเฟือย การเงิน อุตสาหกรรม วัสดุ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามลำดับ

“เราแนะนำนักลงทุนให้กระจายการลงทุนในต่างประเทศ โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอินเดียยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกในอนาคต จากนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดียและพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนผ่านกองทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี” นายมนรัฐ กล่าว

Back to top button