FN กางแผนปี 61 รายได้โตทะลุ 10% ลุยเพิ่มช่องทางขายผ่านทีวีช้อปปิ้ง-ออนไลน์

FN กางแผนปี 61 รายได้โตทะลุ 10% ลุยเพิ่มช่องทางขายผ่านทีวีช้อปปิ้ง-ออนไลน์ พร้อมตั้งงบลงทุน 245 ลบ. ขยายสาขาเพิ่ม-ปรับปรุงสาขาเดิม


นายเบญจ์เยี่ยม ส่งวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) หรือ FN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 61 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีนี้ จากกำลังซื้อที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการกระตุ้นนโยบายภาครัฐ และการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาคเอกชน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นพื้นที่ที่มีศักยภาพการเติบโต มีการขยายตัวของชุมชนและเศรษฐกิจ รวมถึงนักเดินทางและนักท่องเที่ยว เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมถึงปรับปรุงพื้นที่สาขาเดิมให้มีความทันสมัยและมีบริการหลากหลาย เช่น พื้นที่ร้านอาหาร พื้นที่พักผ่อนที่สามารถดึงดูดลูกค้า และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าที่เป็นนักเดินทาง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้มากขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในปีหน้าเพื่อขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิมราว 245 ล้านบาท โดยจะขยายสาขาในครึ่งปีหลังเพิ่มอีก 2 สาขา ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท และการปรับปรุงสาขา 3 สาขา โดยตั้งเป้าเพิ่มอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sale Growth) ไว้ราว 5% ตั้งงบลงทุนสาขาละ 15 ล้านบาท เริ่มจากสาขาสิงห์บุรีก่อน และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ต้องปิดให้บริการ คาดว่าจะใช้เวลาปรับปรุงราว 3 เดือนต่อสาขา เพื่อไม่ให้กระทบต่อยอดขาย

โดยปัจจุบัน บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 10 สาขา ได้แก่ สาขาเพชรบุรี สาขากาญจนบุรี สาขาพัทยา สาขาปากช่อง สาขาสิงห์บุรี สาขาหัวหิน สาขาศรีราชา สาขาพระนครศรีอยุธยา สาขาหาดใหญ่ และ ล่าสุดสาขาฉะเชิงเทราที่เพิ่งเปิดให้บริการ โดยบริษัทคาดว่าในปี 61 รายได้รวมจะกลับมาฟื้นตัวจากการเปิดสาขาที่เพิ่มขึ้น และภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากปีนี้

อีกทั้งบริษัทยังรุกช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติม โดยปัจจุบันเจรจากับบริษัทพันธมิตร 1 ราย เพื่อเพิ่มช่องทาง Call Center ไว้รองรับในปี 61 ทั้งหมดราว 2,000 คู่สาย

พร้อมทั้งรุกช่องทางขายออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น บนแพลตฟอร์มหลากหลาย ทั้ง Facebook, Instragram และ LINE ซึ่งมีต้นทุนต่ำ และการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านรายการโทรทัศน์ โดยเริ่มจัดจำหน่ายกระเป๋าเดินทางผ่านช่อง “O-Shopping” ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นการออกนอกแพลตฟอร์มเดิมเป็นครั้งแรก

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนจัดแคมเปญเพื่อส่งเสริมการขายแบบ Online-to-Offline โดยการสั่งสินค้าผ่านทางออนไลน์สามารถส่งให้ลูกค้าถึงบ้าน ซึ่งคิดค่าส่ง แต่หากลูกค้าเดินทางมารับสินค้าด้วยตัวเองที่ร้านจะมีของแถมให้ ปัจจุบันมีลูกค้าเดินทางมารับสินค้าด้วยตนเองคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% และบริษัทยังมีการพัฒนาสินค้าและเพิ่มสินค้าใหม่ เช่น ผ้าปูที่นอนแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ความลูกค้าโดยมีราคาถูกกว่าเดิม

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาสาขาแต่ละแห่ง เพื่อลดค่าไฟฟ้า เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มติดตั้งที่สาขาพระนครศรีอยุธยา ขนาด 600 กิโลวัตต์  (KW) คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีหน้า

Back to top button