จัดกลยุทธ์เด็ดรับปี “จอ” ขนทัพ 18 หุ้นดาวเด่นเน้นกำไรโตแกร่ง

จัดกลยุทธ์เด็ดรับปี “จอ” ขนทัพ 18 หุ้นดาวเด่นเน้นกำไรโตแกร่ง กลุ่มแบงก์-รับเหมา-นิคม-สื่อสาร นำทีม


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลการลงทุนประจำปี 2561 หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยในปี 2560 ปรับตัวขึ้นแรงส่งท้ายปี โดยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุน LTF/RMF ขณะที่นักวิเคราะห์หลายเสียงต่างเห็นว่าเกี่ยวกับการทำราคาปิด Window Dressing

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงตัวเลข GDP ที่มีการปรับคาดการณ์ขึ้นจะเป็นตัวหนุนให้ดัชนีปี 2561 ปรับตัวขึ้นได้ ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกขายทำกำไรจากการถอนเม็ดเงินจากกองทุน LTF/RMF ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการลงทุนในต้นปี 2561  “ผู้สื่อข่าว” จึงได้รวบรวมบทวิเคราะห์จากนักวิเคราะห์สถาบันต่างๆมาให้นักลงทุนได้ใช้ตัดสินการเข้าลงทุน โดยมีการแนะนำเก็งกำไร KBANK, KTB, TMB, MTLS, SAWAD, THANI, CK, SEAFCO, AMATA, WHA, DELTA, ADVANC และ TRUE ขณะที่ขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการเติบโตดีในปี 2561 ได้แก่ COMAN, JUBILE, AMA, AGE และ LIT

 

ทั้งนี้ น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2561 ยังคงให้ความสำคัญกับปัจจัยราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัวที่ระดับสูง  หลังกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกเห็นพ้องขยายระยะเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันไปจนถึงปลายปี 2561ประกอบกับกฎหมายปฏิรูปภาษีสหรัฐมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2561 และเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง

อีกทั้งแผนลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่รวมทั้งความคืบหน้าของโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี มูลค่าเงินลงทุน 1.5 พันล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี และการเมืองไทยเดินหน้าตาม roadmap ที่นำไปสู่การเลือกตั้ง

ส่วนปัจจัยที่ยังคงกดดันภาพรวมการลงทุนในปี 2561 จากการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 3 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับ fund flow ในการตัดสินใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้น

นอกจากนี้สถานการณ์ทางการเมืองสหรัฐที่อาจนำไปสู่การถอดถอนตำแหน่งประธานาธิดี และปัจจัยทางการเมืองยุโรปเองก็ยังบั่นทอนความมีเสถียรภาพของสหภาพยุโรปเป็นระยะ  รวมทั้งเหตุการณ์ความไม่สงบในคาบสมุทรเกาหลีจากการทดสอบขีปนาวุธนิวเคลียร์ และความไม่สงบจากเหตุก่อการร้ายในภูมิภาคตะวันออกกลางที่พร้อมจะปะทุได้ตลอดเวลา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

อย่างไรก็ตามมองว่าในปี 2561 ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตาต่อ อาทิ ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะสามารถยืนที่ระดับสูงได้หรือไม่  หลังราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีกำลังการผลิต Shale Oil จากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ – ยุโรปที่มีทิศทางเข้มงวดมากขึ้นหลังจากระดับอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นและเข้าใกล้เป้าหมาย และปัจจัยการเมือง – สหรัฐ – ยูโรโซน-ประเทศไทยว่ายังมีเสถียรภาพหรือไม่

 

ด้าน นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด  หรือ GBS ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2561 จะแกว่งตัวในกรอบ 1,655 -1,860 จุด บนสมมติฐานระดับ PER 16 – 18 เท่า และคาดการณ์ระดับ EPS Growth ที่ราว 11.5%

ทั้งนี้ แนะนำเก็งกำไรในกลุ่มธนาคารและการเงิน แนะนำ KBANK , KTB ,TMB ,MTLS ,SAWAD และ THANI เนื่องจากการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้มีความต้องการเงินลงทุนเพื่อใช้ในโครงการต่างๆ รวมทั้งการขยายกำลังการผลิต กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ CK และ SEAFCO ที่ได้ประโยชน์การงานก่อสร้างที่จะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากหนุน backlog เติบโตแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ยังแนะนำเก็งกำไรในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม แนะนำ AMATA และ WHA ซึ่งประกอบกิจการในเขตพื้นที่อีอีซี กลุ่มส่งออก ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ได้รับอานิสงส์จากยอดขายรถยนต์ในประเทศฟื้นตัว และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน แนะนำ DELTA และกลุ่มสื่อสารมีการเปิดประมูลคลื่น 1800 และ 900 MHz แนะนำ ADVANC และ TRUE

ทั้งนี้ในการจัดทำบทวิเคราะห์หุ้นในตลาด mai ตลอดปีที่ผ่านมาพบว่า หุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการเติบโตดีในปี 2561 ได้แก่ COMAN ,JUBILE ,AMA ,AGE และ LIT

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางราคาทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากการพยายามแซกแซงในหน่วยพื้นที่ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำโลก และปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ แม้จะประกาศยุทธศาสตร์ชาติมุ่งเน้นไปที่การสร้างความมั่นคงภายในทั้งในแง่เศรษฐกิจและกำลังทหารก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนตัวของราคาทองคำจะยังอยู่ในกรอบจำกัดต่อไป เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกกำลังทยอยปรับมาเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯที่ทำการปรับลดงบดุลของธนาคารกลางควบคู่กันด้วย ทำให้เงินสกุลดอลลาร์มีแนวโน้มจะแข็งค่ากดดันไม่ให้ราคาทองคำปรับเข้าสู่ขาขึ้นได้ง่ายนัก

สำหรับปี 2561 แนะนำให้เก็งกำไรในกรอบการแกว่งตัวทางเทคนิคระหว่าง 1,225–1,345 ดอลลาร์และการ breakout จากกรอบดังกล่าวจะให้สัญญาณ follow ที่ต่างกัน โดยถ้าราคาร่วงต่ำกว่า 1,225 ดอลลาร์ ควรเล่น follow short เก็บกำไรเป็นรอบสั้น ๆ แต่ถ้าราคาทะยานขึ้นเหนือ 1,345 ดอลลาร์ ควร follow buy แล้วถือเล่นรอบที่นานขึ้น

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button