เผลอเป็นโดน

*หลังจากนั่งเรียบเรียงข้อมูลการลงทุนตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ “โมนิก้า” สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบได้เป็นอย่างดีว่า ชอบเล่นทีเผลอเป็นประจำ และมักจะอ้างเหตุผลของการเข้าซื้อแบบเพี้ยนๆ อยู่ร่ำไปนั้น เดี๊ยนมองเป็นเพียงกุศโลบายที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการคล้อยตาม ซึ่งไม่มีนัยสำคัญสำหรับแมงเม่าอย่างพวกเราๆ ท่านๆ หรอกค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หลังจากนั่งเรียบเรียงข้อมูลการลงทุนตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้ “โมนิก้า” สามารถรับรู้ถึงพฤติกรรมของกองทุนตัวแสบได้เป็นอย่างดีว่า ชอบเล่นทีเผลอเป็นประจำ และมักจะอ้างเหตุผลของการเข้าซื้อแบบเพี้ยนๆ อยู่ร่ำไปนั้น เดี๊ยนมองเป็นเพียงกุศโลบายที่ทำให้นักเล่นเกิดอาการคล้อยตาม ซึ่งไม่มีนัยสำคัญสำหรับแมงเม่าอย่างพวกเราๆ ท่านๆ หรอกค่ะ

*เนื่องจากจังหวะนี้เป็นเกมดันหุ้นบลูชิพแบบสุดซอย หลังเม็ดเงินก้อนใหม่ไหลท่วมกองทุนเป็นจำนวนมาก จึงไม่มีเหตุผลต้องมาอธิบายอะไรให้มากความ เพราะเป็นเรื่องที่ชาวหุ้นพบเห็นได้เป็นประจำทุกปี และการที่หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,743.29  จุด ลบไป 9.60 จุด ด้วยมูลค่า 6.16 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำท่าจะขึ้นไปยืนเหนือ 1,760 จุด เดี๊ยนมองเป็นช็อตของการ take profit ธรรมดานะจะบอกให้

*เนื่องจากยอดซื้อของกองทุนตัวแสบที่ปรากฏให้เห็น 1.09 พันล้านบาท โดยพลพรรคแมงเม่าช่วยซื้ออีก 1.51 พันล้านบาท ปอบผีฟ้าปล่อยของออกมามากถึง 2.24 พันล้านบาท พ่วงด้วยฝรั่งตาน้ำข้าวโยนทิ้งออกมา 360 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ย้ำหัวหมุดให้รู้ว่าคนกำหนดทิศทางตลาดหุ้นไทยตัวจริงคือใคร? ซึ่งวันนี้ได้เผยตัวตนที่แท้จริงให้สังคมชาวหุ้นได้เห็นอีกครั้งแล้วนะคะ

*ด้วยเหตุนี้ไม่ต้องถามว่า PTTEP ทะยานขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยปัจจัยอะไร? รอบนี้ทะยานขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน? เพราะคำตอบทั้งหมดอยู่ที่บทเกริ่นนำที่ให้ไว้ตั้งแต่ตอนต้น และการที่หุ้นทรุดตัวลงมาปิด  99.25 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่า 1.63 พันล้านบาท น้องโมพูดได้แค่ว่า มันเป็นจังหวะของการทำตัวตามกระแส..หากไม่ใช่ก็ใส่เกียร์ถอยเท่านั้นเองค่ะ

*อีกหนึ่งกรณีที่ดูได้ง่ายๆ ต้องยกให้ BCPG ทรุดตัวลงมายืนปิดที่ 23.40 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่า 717 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า มันเหมือนกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว จึงไม่แปลกใจที่มีแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ เพราะบรรยากาศการลงทุนมันเอื้อให้เล่นกันแค่นี้จริงๆ  เดี๊ยนถึงมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ไม่เหนือความคาดหมายนะคะ

*สำหรับในรายของ DDD เด้งขึ้นมาปิดที่ 83.75 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.10% ด้วยมูลค่า 1.11 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นกิมมิคที่นักเล่นต้องตามให้ทัน และต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยว่า แนวโน้มกำไรโตระเบิดระเบ้อมันเกิดจากอะไรกันแน่? รวมทั้งการกลับคืนสู่สามัญในเที่ยวนี้จะกินระยะเวลานานแค่ไหน? ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้นักเล่นต้องเคาะสั้นๆ เจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของห้างยักษ์ใหญ่อย่าง CPN สามารถเบ่งตัวเลขขึ้นมารอราคาหุ้นตั้งแต่ไก่โห่ ราคาหุ้นถึงพุ่งกระฉูดไม่หยุดหย่อนสักที แม้วานนี้จะถูกขายอย่างหนักจนลงไปถึง 82.25 บาท แต่สุดท้ายก็กลับขึ้นมายืนอยู่ที่ 84.50 บาท ลบไป 0.75 บาท ด้วยมูลค่า 744 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า P/E 28 เท่า บรรดาแม่ยกพ่อยกถึงเคาะขวารัวๆ กันอย่างสนุกสนาน เพราะหุ้นมีโอกาสไปต่ออีกหลายช่วงตัวนะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ MALEE มันเป็นจังหวะที่สามารถตามน้ำได้อีกนิดหน่อย เพราะก่อนหน้านี้เคยวิ่งชนแนวต้าน 39 บาทจังเบ้อเร่อ หลังจากนั้นรูดลงมากองแถว 36 บาทนานเป็นเดือน มาเที่ยวนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 37.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่า 103 ล้านบาท เหมือนเป็นตัวเร่งให้ผู้บริหารต้องขยันออกข่าวดีเพิ่มเติมแล้วกระมั้ง เพื่อหุ้นจะได้ขยับขึ้นแบบแข็งแกร่งอีกรอบเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นเริ่มวิ่งอีกครั้ง “โมนิก้า” คงต้องย้อนกลับมาดูหุ้น TCAP เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับนักเล่นที่ชอบตามกระแส ล่าสุดเห็นหุ้นยืนปิดที่ 56.50 บาท ลบไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่า  244 ล้านบาท ถือเป็นสัญญาณดีที่มีแรงรับหุ้นเข้ามาต่อเนื่อง จึงยืนประคองตัวเหนือเส้นแนวรับ 75 วันที่บริเวณ 56 บาทได้อย่างเหนียวแน่น..หากยืนทรงนี้ได้อีกระยะหนึ่ง รับรองวิ่งฉิวอีกรอบนะคะ

*ไหนๆ ก็เม้าท์ถึงคนที่ชอบเสียวขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น JKN หลังหุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 13.60 บาท สุดท้ายลงมาปิดเสมอตัวที่ 13.20 บาท ในทางเทคนิคอาจดูไม่ค่อยสวยสักเท่าไหร่ เพราะจุดสูงสุดใหม่ดันต่ำลงเรื่อยๆ แต่ยังดีที่หุ้นประคองตัวเหนือเส้นแนวรับ 10 วันอย่างเหนียวแน่น วันนี้ถึงต้องลุ้นกันต่อไปว่า แรงซื้อจะอัดเข้ามาเยอะขนาดไหน เพื่อทำให้ทรงหุ้นดูดีขึ้นกว่าเดิมนะจ๊ะ

*ตบท้ายกันที่หุ้นน้องใหม่ SUN กลายเป็นหุ้น IPO ที่ถูกบันทึกในเรคคอร์ดน่าผิดหวังมากสุดอีกหนึ่งตัว และกลายเป็นตัวที่ 7 ของตลาดหุ้นไทยที่หลุดจองตั้งแต่วันแรก งานนี้ทำเอาผู้เกี่ยวข้องหน้าซีดไปตามกัน เพราะยังไม่สามารถหาเหตุผลของการร่วงหล่นในครั้งนี้ได้ งานนี้ถึงต้องติดตามดูกันเอาเองว่า ราคาปิดที่ 5.25              บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่า 694 ล้านบาท ใช่จุดต่ำสุดหรือเปล่า..ต้องดูกันต่อไปนะจ๊ะ

Back to top button