TISCOAM เพิ่มทุนกอง TISCOBIG 1 พันลบ.

TISCOAM เพิ่มทุนกอง TISCOBIG 1 พันลบ. ดักเม็ดเงินต่างชาติหลังการเมืองไทยเริ่มชัดเจน-เศรษฐกิจโตดี


นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ หรือ TISCOAM เปิดเผยว่า หลังจากเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน กองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นบิ๊ก (TISCOBIG) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2560 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ประมาณ 721 ล้านบาท ซึ่งใกล้เต็มมูลค่าโครงการ

ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุน บลจ.ทิสโก้จึงได้ยื่นขอจดทะเบียนเพิ่มทุน TISCOBIG ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. อีก 1,000 ล้านบาท ทำให้ TISCOBIG มีเงินทุนโครงการรวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท

“กองทุน TISCOBIG ได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงนี้ที่นักลงทุนคาดว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่หลังการเมืองไทยเริ่มชัดเจน อีกทั้ง กองทุนนี้มีสัดส่วนการลงทุนอิงตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โดยเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Blue Chip) ที่มั่นคง และเป็นผู้นำอุตสาหกรรม (Industry Leader)  ซึ่งเราประเมินว่าหุ้นขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 และ การบริโภคในประเทศที่จะยังขยายตัวดี ดังนั้นการลงทุนในกองทุน TISCOBIG จึงยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ” นายสาห์รัช กล่าว

นอกจากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ในปี 2561 มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเนื่องจากการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนมากขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้น Blue Chip หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง หลังจากที่ตั้งแต่ปี 2556 นักลงทุนต่างประเทศมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยร่วม 3 แสนล้านบาท

โดยกองทุนเปิด ทิสโก้หุ้นบิ๊ก จะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET50 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด 20 อันดับแรก ซึ่งถือเป็นหุ้นพื้นฐานแกร่ง และมักเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม โดยผู้จัดการกองทุนจะให้น้ำหนักการลงทุนอิงตาม Valuation ของหุ้นแต่ละบริษัท และมีการปรับน้ำหนัก (Re-Balance) ตาม Valuation ที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ไตรมาส ทั้

งนี้เพื่อมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) จากข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 กองทุนมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 5.49% 10.72% และ  9.47% ขณะที่ดัชนีผลตอบแทนรวม SET50  ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 5.23% 11.32% และ 10.61% ตามลำดับ

Back to top button