SUPER กับ เสี่ยประเดช 

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ เคยเป็น ซีอีโอใหญ่ของ บริษัทรับเหมาติดตั้งไฟฟ้าเก่าแก่ อย่าง บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ก่อนที่จะลาออกแบบสิ้นเยื่อใย (คงไม่ต้องบอกเหตุผล เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้) มาเป็น ประธานกรรมการบริษัท ดีดีมาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทเพื่อการลงทุนในหุ้นอันเป็นกิจการส่วนตัว และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ SUPER


แฉทุกวันทันแกมหุ้น

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ เคยเป็น ซีอีโอใหญ่ของ บริษัทรับเหมาติดตั้งไฟฟ้าเก่าแก่ อย่าง บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO ก่อนที่จะลาออกแบบสิ้นเยื่อใย (คงไม่ต้องบอกเหตุผล เพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้) มาเป็น ประธานกรรมการบริษัท ดีดีมาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทเพื่อการลงทุนในหุ้นอันเป็นกิจการส่วนตัว และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ SUPER

นามบัตรประจำตัวที่เสี่ยประเดช (ที่มีคนแอบตั้งฉายาว่า เสี่ย ป. ณ อันดามัน) ใช้แจกจ่ายไปเมื่อเข้าสู่วงสนทนา ระบุว่ามีอาชีพ คือ “นักลงทุน” เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว และเน้นลงทุนในหุ้นบางรายการเท่านั้น

เมื่อวิศวกร เข้ามายุ่งเกี่ยวกับหุ้น ตามความเข้าใจของคนทั่วไปนั้นถือว่า ต้องเก่งเรื่องวิศวกรรมการเงิน แต่เสี่ยประเดชยืนยันว่า หลักการลงทุนของตนเองนั้นง่ายๆ คือ ศึกษาธุรกิจของหุ้นนั้นให้ดี แล้วก็เข้าลงทุนหนัก ไม่ว่าจะด้วยเงินสด หรือ มาร์จิ้น ก็ทำทั้งนั้น ขอให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยจ่าย…ก็แล้วกัน

ความที่ “มือหนัก” ทำให้สามารถ “เรียกแขก” จากบรรดาสาวกได้ไม่ยาก รวมทั้งสาวกที่เข้าลงทุนในหุ้น SUPER เพราะเชื่อตามคำพูดของเสี่ยประเดชที่ว่า… มีรถ ขายรถ มีบ้าน ขายบ้าน แล้วมาซื้อเพื่อถือหุ้น SUPER

ผลพวงที่ตามมา ทำให้บรรดาสาวกเสี่ยประเดชพากันกลายร่างเป็น “ชาวดอย” กันจ้าละหวั่น โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา

กลายเป็น “วีไอ.จำเป็น” เพราะติดยอดดอยเป็นหางว่าว …สยดสยองจนไม่กล้ามองกันเลยทีเดียว  

ยิ่งถือยาว ราคาหุ้น SUPER จากระดับ 1.60-1.70 บาท ลงมาเหลือที่ระดับ 1.20 บาท สวนทางกับผลประกอบการ…จะบอกว่า ราคาหุ้น ทรยศต่อผลประกอบการก็คงไม่ได้

เหตุปัจจัยสำคัญเพราะมีไอ้โม่งที่ไหนก็ไม่รู้ ทยอยแอบขายหุ้น SUPER ทิ้ง นานๆ ครั้ง ครั้งละนับเป็นหลักเหยียบร้อยล้านหุ้นกันทั้งนั้น…มีแต่ขาใหญ่เท่านั้นที่จะทำบิ๊กล็อตที่ว่าได้

คำถามพุ่งตรงไปที่ตัวแทนของ  2 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่หลัก คือนายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานกรรมการ SUPER และเสี่ยประเดช ที่ไม่เคยมีตำแหน่งอะไรใน SUPER ….อย่างเลี่ยงไม่พ้น

เป็นธรรมดาอยู่เอง เสี่ยจอมทรัพย์ ต้องตอบปฏิเสธตามระเบียบ เพราะทำงานตัวเป็นเกลียว

เหลือก็แต่เสี่ยประเดชที่ตกเป็นจำเลยของสังคมโดยปริยาย เพราะเสี่ยประเดชนั้น แม้จะยืนยันหนักแน่นว่า ยังไงก็ไม่เคยคิดทิ้ง SUPER…แต่บางครั้งอาจจะมีปรับพอร์ตตามความจำเป็นต้องใช้เงินบ้าง…เงินของท่านเทพเอง ใครจะไปกล้าว่าอย่างไรได้..นะขอรับ

บิ๊กล็อตครั้งล่าสุด แทบทุกสายตา และหลายมุมมอง พุ่งเป้าตรงไปที่ความเชื่อว่า คนขายยังไงเสีย ต้องเป็นเสี่ยประเดช โดยเป็นส่วนที่มอบให้ “นอมินี” ดูแลอยู่

จันทร์ที่ผ่านมา หลังจากตกเป็นขี้ปากคนมาเสียหลายวัน จนก้นร้อนฉ่า….เสี่ยประเดชก็อดรนทนไม่ไหว ถือฤกษ์ “พิชิตมาร” ออกมาแก้ต่างและแก้ตัว เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการทำรายการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ หรือ บิ๊กล็อต หุ้น SUPER เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2561 จำนวน 62.20 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 1.24 บาท คิดเป็นมูลค่า 77.13 ล้านบาท และจำนวน 22.26 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 1.19 บาท คิดเป็นมูลค่า 26.49 ล้านบาท แถมพ่วงด้วย เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 มีบิ๊กล็อตจำนวน 75 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 1.15 บาท คิดเป็นมูลค่า 86.25 ล้านบาท

รวมแล้วจำนวนหุ้นมากกว่า 159.46 ล้านหุ้น ….คำถามก็ต้องเกิดเป็นเรื่องสามัญ

เสี่ยประเดช  ย้ำด้วยเสียงดังฟังชัดตามประสาคนพูดอ้อมค้อมไม่เป็น (แต่ไม่ใช่ไร้ลีลา) ว่า กรณีการทำรายการบิ๊กล็อตหุ้น SUPER เมื่อวันที่ 3 มกราคม และวันที่ 8 มกราคม 2561 ตนเองขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำบิ๊กล็อตดังกล่าว แต่ยอมรับว่ามีการทยอยขายออกมาบางส่วนในปี 2560 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อไปลงทุนในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้งฯ ที่ตนมองเห็นว่าเป็นอีกหลักทรัพย์ที่น่าจะมีอนาคต เพราะทำธุรกิจพลังงานทดแทนเช่นกัน อีกทั้งมีแผนที่จะระดมทุนโดยขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) พร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  (ตลท.) ในปี 2561 จึงได้ปรับพอร์ตลงทุนส่วนตัวโดยการขายหุ้นสามัญ SUPER ออกมาบางส่วน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติในจังหวะที่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน

แต่….ย้ำอีกครั้งว่าแต่.. เสี่ยประเดชยังย้ำว่า “ยังเชื่อมั่นเต็ม 100% ในปัจจัยพื้นฐานของ SUPER และประสงค์ที่จะลงทุนระยะยาวจริงๆ เพราะที่ผ่านมาผมลงทุนอยู่เพียงบริษัทเดียว คือ SUPER ดังนั้น ในจังหวะที่ผมมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ก็ถือเป็นเรื่องปกติ …..เป็นเพียงการปรับพอร์ตการลงทุนระยะสั้น-ระยะยาวให้เกิดความสมดุล…”

เสี่ยประเดชบอกว่าแม้จะขายหุ้นสามัญของ SUPER แต่เสี่ยประเดชก็ยังแอบปันใจ..และปันเงินก้อนเล็กๆ…ไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน SUPER-W4 ซึ่งใช้เม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าการซื้อหุ้นสามัญโดยตรง

ที่สำคัญ เสี่ยประเดช ย้ำอีกครั้งว่า “…ไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากับนายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER แต่อย่างใด มีความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และการบริหารงานของทีมงาน พร้อมทั้งปล่อยให้ทีมงานของนายจอมทรัพย์ทำงานโดยอิสระ ไม่มีการแทรกแซงการทำงานแต่อย่างใด และในส่วนของตนเองนั้น…พร้อมที่จะสนับสนุนและให้คำปรึกษากับนายจอมทรัพย์ หากต้องการคำแนะนำใดๆ ในฐานะที่ตนมีความรู้และความชำนาญในธุรกิจด้านพลังงาน…”

เสี่ยประเดชพูดมาทั้งหมดนี้ บอกให้รู้ว่ามีเงื่อนไขในคำพูด 2 ข้อด้วยกันคือ 1) คำพูดและการกระทำของเสี่ยประเดชที่ผ่านมา เชื่อถือได้ และพิสูจน์ได้ว่า ไม่ใช่ลับ-ลวง-พราง 2) เสี่ยประเดชจะไม่ขาย ถ้าไม่ต้องการใช้เงินไปทำอย่างอื่น

ใครจะเชื่อ…หรือไม่เชื่อ…ไม่ได้บังคับ

ถ้าเชื่อ เสี่ยประเดชก็เป็นพระเอก

ถ้าไม่เชื่อ เสี่ยก็เป็นผู้ร้ายต่อไป

อิ อิ อิ

Back to top button