ECF พุ่งเกือบ 6% ลุ้นกำไร Q4 สดใส หลังบุ๊ครายได้โรงไฟฟ้าชีวมวล 7.5 MW-ธุรกิจเฟอร์ฯโตแกร่ง

ECF พุ่งเกือบ 6% ลุ้นกำไร Q4 สดใส หลังบุ๊ครายได้โรงไฟฟ้าชีวมวล 7.5 MW-ธุรกิจเฟอร์ฯโตแกร่ง โดย ล่าสุด ณ เวลา 12.10 น. ราคาอยู่ที่ 6.60 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 5.60% สูงสุดที่ 6.60 บาท ต่ำสุดที่ 6.25 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 127.88 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ณ เวลา 12.10 น. ราคาอยู่ที่ 6.60 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 5.60% สูงสุดที่ 6.60 บาท ต่ำสุดที่ 6.25 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 127.88 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้นยังปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ 6.65 บาท เมื่อวันที่ 23 พ.ย.60

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (23 ม.ค.) ประเมินแนวรับ 6.0 บาท / แนวต้าน 6.3 – 6.7 บาท (Trailing Stop 5.9 บาท)

ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/60 จะเติบโตดี หลังจากมีการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้า ที่เริ่มจำหน่ายฟ้าเข้าระบบไปในช่วงไตรมาส 3/60 ที่ผ่านมา อีกทั้งในส่วนของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ที่บริษัทมีแผนเป็นตัวแทนขายเฟอร์นิเจอร์ในประเทศมาเลเซีย หนุนกำไรเติบโตยั่งยืนในอนาคต

อีกทั้ง บริษัทยังตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์โดยรวมจะขึ้นไปถึง 3,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เดิมที่ดำเนินการอยู่จะขึ้นไปถึง 2,000 ล้านบาทในปี 62 จากปี 2560 ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทเน้นขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอาเซียนมากขึ้น

โดยคาดยอดขายตลาดจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปีนี้ จากปีก่อนที่มียอดขายราว 500 ล้านบาท โดยเฉพาะในตลาดกัมพูชา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เนื่องจากยอดขายทั้ง 3 ประเทศเติบโตในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ

รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้ามากขึ้น หลังจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีอยู่เกือบ 10 เมกะวัตต์ (MW) ภายใต้บริษัทร่วมทุน บริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (SAFE) ได้เต็มปี ขณะที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มินบูในเมียนมา เฟสแรก 50 เมกะวัตต์ เข้ามาในช่วงกลางปี 61

ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุน SAFE วางแผนจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มเป็น 60 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มีอยู่เกือบ 10 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลขนาด 7.5 เมกะวัตต์ จ.นราธิวาส เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มไตรมาส 3/60 ที่ผ่านมา และโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ จ.แพร่ คาดว่าจะ COD ในเดือน ม.ค.-ก.พ. 61

โดยปัจจุบัน กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โรงไฟฟ้าชีวมวล จำนวน 3 แห่ง กำลังผลิตราว 30 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสรุปดีลได้ภายในไตรมาส 1/61 โดยเป็นโรงไฟฟ้าใหม่ที่ยังไม่ได้ผลิต รวมถึงยังได้ยื่นเสนอภาครัฐเพื่อทำโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล อีก 20 เมกะวัตต์ด้วย ซึ่งหากดำเนินการได้สำเร็จก็จะทำให้กลุ่มบริษัทมี PPA เพิ่มเป็น 60 เมกะวัตต์ได้ภายในปี 61

นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสในการลงทุนธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในประเทศด้วย ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองโอกาสการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทั้งโซลาร์ฟาร์ม และชีวมวล ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่โรงไฟฟ้ามินบูเดินเครื่องผลิตเฟสแรกในกลางปี 61 แล้ว

อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายจะมีสัดส่วนกำไรจาก 3 ธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่ระดับ 30:30:30 จากในปีหน้าที่สัดส่วนกำไรส่วนใหญ่ยังอยู่ในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ราว 60-70% และธุรกิจไฟฟ้าราว 30%

 

Back to top button