BIG บวกเกือบ 3% โบรกฯเชียร์ซื้อ คาดกำไรปี 61 ฟื้นตัว หลังตลาดกล้องมิลเลอร์ฯยังโตต่อเนื่อง

BIG บวกเกือบ 3% โบรกฯเชียร์ซื้อ คาดกำไรปี 61 ฟื้นตัว หลังตลาดกล้องมิลเลอร์ฯยังโตต่อเนื่อง โดยล่าสุด ณ เวลา 15.06 น. ราคาอยู่ที่ 2.90 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.84% สูงสุดที่ 2.94 บาท ต่ำสุดที่ 2.82 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 54.96 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ล่าสุด ณ เวลา 15.06 น. ราคาอยู่ที่ 2.90 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.84% สูงสุดที่ 2.94 บาท ต่ำสุดที่ 2.82 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 54.96 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.73%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น BIG ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ คาดว่ามาจากการที่นักวิเคราะห์เริ่มเห็นผลประกอบการที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังตลาดกล้องยังคงเติบโตได้ดี

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ม.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท/หุ้น

โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 52% จากจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี มาจากผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 60 ที่ชะลอตามกำลังซื้อ แต่ด้วยตลาดกล้อง Mirrorless ที่ยังโตในระดับ 10-15% ต่อปี ซึ่งสะท้อนว่ามือถือที่มีพัฒนาการดีขึ้นมาก ยังไม่สามารถทดแทนตลาดผู้ใช้กล้องได้ ในทางตรงข้าม ตั้งแต่ไตรมาส 4/60 จะเริ่มเห็นกำไรฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น จากการฟื้นตัวของกำลังซื้อ, การปรับกลยุทธ์ทำตลาดแบบ exclusive ร่วมกับผู้ผลิต, ผลประกอบการของ BIG Mobile ที่เริ่มมีกำไร, และความนิยมในงานพิมพ์ภาพที่สูงขึ้น

ขณะที่มองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากกว่ากำไรสุทธิปี 2560 ที่คาด ลดลง 8% จากปีก่อน เหลือ 777 ล้านบาท สะท้อนภาพลบมากเกินไป ขณะที่ ปี 2561 คาด เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน อยู่ที่ 833 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลจากการปรับประมาณการปีนี้และปรับลด PE Multiplier ลงเหลือ 18 เท่า ทำให้ราคาเป้าหมายลดลงจาก 5.00 บาท เหลือ 4.30 บาท ยังคงแนะนำซื้อ

ทั้งนี้ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 2561 ลงเหลือ 30.7% จากเดิม 31.5% จาก Product Mix ที่เปลี่ยนไปทั้งแบรนด์และตำแหน่งตลาดของตัวสินค้า ซึ่งกล้องที่ฟังก์ชั่นการใช้งานและราคาสูง จะให้อัตรากำไรและยอดรีเบทต่ำกว่ารุ่นที่เป็น Mass Product อย่างไรก็ตาม แม้ปรับกำไรสุทธิปี 2561 ลงเหลือ 833 ล้านบาท (จาก 892 ล้านบาท) แต่ยังโต 7% จากปีก่อน

ทั้งนี้หากอิงตามรายงานของ CIPA (Camera & Imaging Products Association) ซึ่งมีข้อมูลล่าสุดถึง พ.ย.61 พบว่าตลาด Mirrorless ทั่วเอเชียกลับมาโตตั้งแต่ ก.ย.61 หลังจากชะลอใน ก.ค.-ส.ค.61 เพราะไม่ค่อยมีการออกรุ่นใหม่ โดยยอด 11 เดือน 60 ยังโตสูง 54.4% จากปีก่อน อยู่ที่ 790 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และที่น่าสนใจคือ ตลาดสหรัฐฯและยุโรปโตสูงถึง 83.8% จากปีก่อน และ 50.8% จากปีก่อน ตามลำดับ สะท้อนว่าตลาดกล้อง Mirrorless ยังโตได้ดี แม้สมาร์ทโฟนจะยกระดับกล้องถ่ายรูปอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดเลนส์ในเอเชียช่วงเวลาดังกล่าวก็โต 15.8% จากปีก่อน อยู่ที่ 445 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ จึงไม่ได้กังวลกับตลาดสินค้าทดแทน โดยที่น่าห่วงมากที่สุดคือ การชะลอตัวของกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งเห็นผลลบอย่างมากในปี 2560 แต่ถ้ามองมุมกลับ กล่าวคือ เศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจริง ก็น่าจะพออนุมานได้ว่า จุดต่ำสุดของ BIG ได้ผ่านไปแล้วในปี 2561 เช่นกัน

โดยมีแรงหนุนจาก ตลาด Mirrorless ที่คาดกลับมาโตตามกำลังซื้อ รวมทั้งการปรับกลยุทธ์ที่เป็น Exclusive กับเจ้าของแบรนด์มากขึ้น พร้อมทั้ง BIG Mobile ที่จะรับรู้กำไรเต็มปี รวมถึงธุรกิจพิมพ์ภาพดิจิทัลที่จะขยายไปยังตลาดออนไลน์ และด้วยราคาปัจจุบันที่คิดเป็น PE2561 เพียง 13 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มซื้อขายสินค้าไอทีที่ 20 เท่า และ PEG อิงการเติบโตเฉลี่ยปี 62-64 คิดเป็นเพียง 1.1 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.7 เท่า

ดังนั้น จึงแนะนำซื้อ โดยราคาเป้าหมาย เมื่ออิงประมาณการที่ปรับลง และ PE Multiplier ที่ปรับลดเหลือ 18 เท่า จากเดิม 20 เท่า ตามการเติบโตที่ลดลง จะเหลือ 4.30 บาท มี Upside 40% และคาดผลตอบแทนจากปันผล 5% ต่อปี

Back to top button