DTAC กำไรที่ปากเหว

ปี 2560 ไม่ใช่ปีที่น่าจดจำสำหรับผู้บริหารของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เพราะตลอด 3 ไตรมาสแรกของปี มีอาการเสียศูนย์อย่างชัดเจน


แฉทุกวันทันแกมหุ้น

ปี 2560 ไม่ใช่ปีที่น่าจดจำสำหรับผู้บริหารของ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เพราะตลอด 3 ไตรมาสแรกของปี มีอาการเสียศูนย์อย่างชัดเจน

เรื่องเสียส่วนแบ่งทางด้านการตลาดไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะรู้กันแล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น…แต่ที่กำไรสุทธิและกำไรต่อหุ้นลดนี่สิ น่าเป็นห่วงมากกว่า

แม้ไตรมาสสุดท้ายของปี จะมีข่าวดีจากการที่ กสทช.เปิดไฟเขียวส่งสัญญาณไม่ค้านการทำสัญญาเป็นพันธมิตรโครงข่ายกับ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)…แต่ก็คงต้องรอกันอีกนาน

ไม่มีใครคาดคิดว่าท้ายสุดจะเกิดการ “หักมุม” ขึ้นมา เพราะงบงวดสิ้นปีของ DTAC กลับมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ชนิดเฉียดฉิว…เซอร์ไพรส์กันสุดๆ

หักปากกาเซียนทุกสำนัก

นายลาร์ส โอเคะ วัลเดอมาร์ นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DTAC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.40% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,085 ล้านบาท

คำอธิบายของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น ระบุว่า มาจาก 3 ปัจจัยด้วยกัน 1) รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน 2) มีการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ 3) ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุน

ด้านรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายอยู่ที่ 64,821 ล้านบาท ซึ่งทรงตัวบวกเพิ่มเล็กน้อย 0.2% เมื่อเทียบกับปี 2559 …แม้ว่าจะต้องเผชิญกับตัวเลขรายชื่อลูกค้า “หล่นหาย” ระหว่างปีมากกว่า 4.5 แสนรายให้กับคู่แข่งในตลาด

ทางตรงกันข้าม บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร จำนวน 15,308 ล้านบาท ลดลง 14% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการใช้จ่ายการขาย และการตลาด แม้ว่าต้นทุนโครงข่ายจะปรับขึ้นต่อเนื่องตามการลงทุน….ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข่าวลือเรื่องปลดหรือโละพนักงานนับพัน ที่แพร่ออกมาโดย “เจ้ากรมข่าวลือนิรนาม”

ขณะที่ปัจจัยสุดท้ายดูจะมีน้ำหนักมากที่สุด เพราะว่ารายการพิเศษว่าด้วยผลประโยชน์ทางภาษีประมาณ 250 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิบวกได้เพียงแค่ 29 ล้านบาท น้อยนิดเมื่อเทียบกับรายได้ ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้ว DTAC มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) จำนวน 30,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 9.10% จากปีก่อน สวนทางกับรายได้จากค่าธรรมเนียม และส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงถึง 17% จากปีก่อน จนทำให้รายได้รวมลดลงไป 5.10% จากปีก่อน

ที่นาตกใจอยู่ที่รายได้จากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ลดลงไปมากถึง 23% จากปีก่อน และ รายได้จากการบริการเสียงลดลงกว่า 32% …เป็นผลจากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้งานอินเทอร์เน็ตแทนบริการเสียง ที่ทำให้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการข้อมูลเพิ่มขึ้นบวกสวนทางมากถึง 22%

แม้จะมีมรสุมรออยู่ข้างหน้ามากมาย แต่ผู้บริหารของ DTAC ยังคงเดินหน้าสู้ไม่มีระย่อ…ยืนยันว่า  ปี 2561 จะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในการขยายโครงข่าย โดยเพิ่มจำนวนสถานีฐานภายใต้ระบบใบอนุญาต และรอการอนุมัติเพื่อเปิดให้บริการไร้สายความเร็วสูงบนคลื่นความถี่ 2300 MHz ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มจำนวนแบนด์วิธสำหรับบริการ 4G

เรียกว่าสู้ตาย…ตามสไตล์นักรบไวกิ้ง

ก่อนจะสู้ต่อไป…เพราะสงครามยังไม่จบ ไม่ควรนับศพทหาร….บอร์ดของ DTAC ก็ใจป้ำ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท จากกำไรสะสมของบริษัท ทั้งนี้กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 15 ก.พ. 2561 และจ่ายปันผลในวันที่ 4 พ.ค. 2561…แม้จะน้อยไปสักหน่อย ก็ยังดีกว่าไม่จ่ายเลย

แถลงเรื่องผลประกอบการผ่านไป ซีอีโอสายเลือดไวกิ้งของ DTAC ก็ถือโอกาสแก้ไขข่าวลือที่ขจรไกลเรื่องโละพนักงานเสียเลย…ไม่ยอมให้เสียเที่ยว…ยืนยัน นั่งยัน ชัดเจนว่า ไม่มีแน่นอน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการปรับลดพนักงานลง เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจในปัจจุบันมากขึ้น

ในแผนการปรับลดพนักงานลง DTAC ระบุว่า จะลดให้มีจำนวนเหลือไม่เกิน 4,000 คน จากปัจจุบัน 4,300 คน ภายในปี 2563 เฉลี่ยปีละ 100 คนโดยประมาณ แต่เหลือไม่เกิน 4,000 คน แปลว่า อาจจะลดลงมากกว่านี้ก็ได้ ขึ้นกับความเหมาะสม

เหตุผลที่นำมาอ้างอิงอยู่ที่ การใช้งานอินเทอร์เน็ตและช่องทางดิจิทัล ได้รับความนิยมมากขึ้น และ DTAC เองก็ตั้งเป้าสร้างรายได้จากช่องทางดิจิทัลให้มีสัดส่วน 35% จากปัจจุบันมีสัดส่วนเลขตัวเดียว …ทำให้งบประมาณพนักงานเพิ่มน้ำหนักหน่วยงานที่มีพนักงานให้บริการลูกค้าผ่านทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นเท่าตัว และงบการตลาดก็เพิ่ม 65% มากกว่าที่ผ่านมา 3 เท่า

จะเรียกว่าปรับลดเพราะความจำเป็น ตามการปรับโครงสร้าง และปรับวัฒนธรรมองค์กร ฝึกอบรมพนักงานให้มีความเป็น “ดิจิทัล” มากขึ้น ไม่ใช่เพราะ “เจ้านายชอบ”…ว่างั้น

ทั้งหมดนี้จะเรียกว่าเป็นยุคของ DTAC “ในสถานการณ์สู้รบ” คงไม่ผิดอะไร

ก็…หลังพิงฝาแล้วนี่นา…จะให้ทำอย่างอื่นได้ไง

อิ อิ อิ

Back to top button