เลือกเล่น 12 หุ้นแกร่ง ปัจจัยตปท.กดดัน SET อ่อนตัว

ดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลงจากปัจจัยลบในสหรัฐฯเป็นหลัก โดยดัชนีมีโอกาสเข้าสู่รูปแบบของการพักตัวชั่วคราว ขณะที่เชื่อว่าแรงเก็งกำไรจะกลับมาหลังสถานการณ์จะคลี่คลาย การลงทุนจึงเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.45 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.47 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง หลังดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ม.ค. แข็งแกร่งเกินคาด ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น ยังกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้มีแนวโน้มปรับตัวลงจากปัจจัยลบในสหรัฐฯเป็นหลัก โดยดัชนีมีโอกาสเข้าสู่รูปแบบของการพักตัวชั่วคราว ขณะที่เชื่อว่าแรงเก็งกำไรจะกลับมาหลังสถานการณ์จะคลี่คลาย การลงทุนจึงเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเป็นหลัก หุ้นเด่นเลือก  CENTEL, SC, MBK, SAT, NYT, III, SKE, KBANK , BBL, ADVANC , PTT และ PTTEP

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ (5 ก.พ.) คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้าราว 1.7-2% ซึ่งค่อนข้างหนัก ตามตลาดสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดิ่งลงมากกว่า 2% ภายหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond yield) ได้พุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด และค่าจ้างต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้นกว่าคาด ทำให้กังวลว่าเงินเฟ้อจะสูงกว่าคาด และจะกระตุ้นให้เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันได้อ่อนตัวลงด้วย ขณะที่สัปดาห์นี้แนะนำให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคบริการ ของยุโรป พร้อมให้แนวรับ 1,805 – 1,810 จุด โดยบริเวณนี้มีโอกาสเด้งระหว่างวัน ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,820 – 1,830 จุด

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.พ.) มองดัชนีฯจะลงไม่ลึก (ไม่ต่ำกว่า 1,780 จุด) แต่จะเข้าสู่รูปแบบของการพักตัวชั่วคราว และนักลงทุนจะเล่นในกรอบ “ขึ้นซื้อลงขาย” จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย (ไม่เกิน 1 สัปดาห์)

กลยุทธ์หลักๆ ของสัปดาห์นี้  คือขายหุ้นที่ขึ้นมามาก (บางส่วน)  เพื่อปรับให้เข้ากับภาวะตลาดพักตัว  และปรับมาเล่นสั้นๆ แทน นักลงทุนควรมองทั้งจังหวะในการลดการถือหุ้นที่ขึ้นมามากเพื่อลดความเสี่ยง อาทิ กลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมี กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ขึ้นมามาก หรือแม้กระทั่งหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่เดือน ธ.ค.เป็นต้นมา สำหรับหุ้นที่เรา เลือกมาแนะนำ ในจังหวะที่ดัชนีฯหรือราคาอ่อนตัวลง จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ได้แก่ CENTEL, SC, MBK และ SAT หุ้นแนะนำทางเทคนิค: NYT, III, SKESET

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.พ.) วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,785 – 1,800 จุด แนะนำทยอยซื้อหุ้นกลุ่มหลัก เช่น KBANK , BBL , ADVANC , PTT , PTTEP รวมถึงกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากหากพิจารณาการเติบโต EPS ของ S&P500 ปีนี้ยังคาดเติบโตราว +16 % ขณะที่อัตราดอกเบี้ยจ่าย/ยอดขายยังทรงต่ำระดับเพียง 3.5 % ดังนั้นการปรับฐานลงของดัชนีหุ้นสหรัฐน่าจะเป็นการลดความร้อนแรงของราคา โดยเย็นวันนี้ติดตามการเข้ารับตำแหน่งของประธานเฟดคนใหม่ เจอโรม พาวเวล ซึ่งยังไม่น่าส่งสัญญาณที่เพิ่มความเสี่ยงให้กับตลาดเงินตลาดทุน

Back to top button