คัดเน้นๆ 5 หุ้น “Defensive” ไม่หวั่นแม้ภาวะตลาดฯแดงเดือด

คัดเน้นๆ 5 หุ้น “Defensive” ไม่หวั่นแม้ภาวะตลาดฯแดงเดือด


ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างหนักต่อเนื่อง ดังนั้นหากนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงต่อความผันผวนของดัชนีอาจต้องปรับพอร์ตการลงทุนไปสู่ “หุ้นกลุ่มปลอดภัย” หรือ Defensive

ทั้งนี้ เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่มนี้ไม่ค่อยหวือหวา แต่ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง อัตราการเติบโตของกำไรในหุ้นกลุ่มนี้ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจน้อย เนื่องจากสินค้าหรือบริการที่ผลิตหรือจำหน่ายจะเป็นสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้อยู่แล้วไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ จึงได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเหล่านักวิเคราะห์ยกให้เป็นหุ้นปลอดภัย โดยประกอบด้วย AMATA, BBL, BCH, SAPPE และTU

อันดับที่ 1 บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ระดับ 25 บาท ปรับตัวขึ้น 0.10 บาท หรือคิดเป็น 0.40% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.94 พันล้านบาท

อันดับที่ 2 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ระดับ 206 บาท ปรับตัวลดลง 2 บาท หรือคิดเป็น 0.96% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.86 พันล้านบาท

อันดับที่ 3 บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ระดับ 16.10 บาท ปรับตัวลดลง 0.30 บาท หรือคิดเป็น 1.83% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 391.80 ล้านบาท

อันดับที่ 4 บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ระดับ 26.75 บาท ปรับตัวลดลง 0.50 บาท หรือคิดเป็น 1.83% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 68.53 ล้านบาท

อันดับที่ 5 บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ระดับ 20.50 บาท ทรงตัวจากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าซื้อขาย 242.71 ล้านบาท

 

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่า จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบหลังนักลงทุนเทขายสินทรัพย์เปลี่ยนจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และหันเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยทั้งดอลลาร์ ทองคำ รวมถึงพันธบัตรที่ Yield เริ่มลดลง

ขณะที่ปลายสัปดาห์นี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือการขยายเพดานหนี้สหรัฐฯ คาดว่าหุ้นในกลุ่ม Defensive และจ่ายปันผลสูงน่าจะเป็นแหล่งพักเงินที่ดีในระยะนี้ ขณะที่การปรับฐานของตลาดเรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานรอบใหม่จากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ยังแข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : พักเงินในหุ้น Defensive และปันผลสูง//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงปรับฐานหุ้นเด่นเดือน ก.พ. : AMATA, BBL, BCH, MGT, SAPPE

 

ด้าน นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์โดย แนะนำ ซื้อ TU โดยมีราคาเป้าหมาย 24.30 บาท เรามองหุ้น TU เป็น ฏDefensive stock ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนและยังเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าลงในช่วงนี้

โดย คาดว่า TU จะมีกำไรปกติ 945 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน, ลดลง 37% จากไตรมาส) ในไตรมาส 4/60 เพราะถึงแม้ผลประกอบการในไตรมาส 4/60 จะชะลอตัวตามฤดูกาล แต่รายได้จากการขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน และ 0.5% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากผู้ซื้อมักเร่งตุนสินค้าคงคลังในเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2017 เมื่อปลาทูน่ามีราคาลดลง

อย่างไรก็ตาม TU น่าจะยังมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ต่ำหรือเพียง 12.9% เทียบกับ 13.2% ในไตรมาส 3/60 และ 13.6% ในไตรมาส 4/60 เพราะยังมีแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบสูง ช่วงที่ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น TU จะหันมาเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารต้นทุนเพื่อให้บริษัทมีศักยภาพการทำกำไรสูงขึ้นและต้นทุนลดลง นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะทำให้มาร์จินเพิ่มสูงขึ้นในระยะยาว

โดยเมื่อไม่นานมานี้TU ได้ทำสัญญาขายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Tmall ของ Alibaba เพื่อให้เข้าถึงตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามมองว่าดีลนี้จะยังไม่ส่งผลดีอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น แต่เชื่อว่าน่าจะช่วยผลักดันการเติบโตในตลาดจีนของ TU ในระยะยาว

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button