PACE คนละเรื่องเดียวกัน

แล้วหลังจากที่ชะลอการเพิ่มทุนมาถึง 4 ครั้ง (ครั้งสุดท้ายเลื่อนไปถึงวันชำระค่าหุ้นตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี) โดยอ้างถึงสาเหตุว่า "เปิดโอกาสให้มีเวลาพิจารณาซื้อหุ้น" (ไม่รู้ว่าโอกาสของใครกันแน่???) ของบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE...ก็บังเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาที่สะท้อนความคืบหน้าของสถานการณ์


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

แล้วหลังจากที่ชะลอการเพิ่มทุนมาถึง 4 ครั้ง (ครั้งสุดท้ายเลื่อนไปถึงวันชำระค่าหุ้นตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี) โดยอ้างถึงสาเหตุว่า “เปิดโอกาสให้มีเวลาพิจารณาซื้อหุ้น” (ไม่รู้ว่าโอกาสของใครกันแน่???) ของบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE…ก็บังเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาที่สะท้อนความคืบหน้าของสถานการณ์

บังเอิญเป็นข่าวดี ปนข่าวร้าย…แถมค่อนข้างจะหนักไปทางร้ายมากกว่าทางดี เสียนี่

น่าเห็นใจเสี่ยยิ่ง ….นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PACE เป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องนั่งเก้าอี้ครองแชมป์ผู้บริหารที่มีเคราะห์กรรมมากที่สุดต่อไปอีกหลายเดือน (ท่ามกลางคำถามมากมายเกี่ยวกับความชัดเจนของงบการเงิน และอนาคตธุรกิจ รวมทั้งการจัดการกับสินทรัพย์ที่เหลือที่ยังไม่มีคำตอบ)…เพราะหาผู้ท้าชิงไม่ได้

รายงานล่าสุดวานนี้ ของ PACE ระบุว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 5 ก.พ.61 มีมติสำคัญ 2 เรื่องประกอบด้วย

1) อนุมัติการขายที่ดินในตำบลนิเซโกะ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เนื้อที่รวมประมาณ 87 ไร่ 3 งาน 33.295 ตารางวา ซึ่งยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ใด ๆ ให้แก่ Richforest International Investments Ltd ในราคา 2,050,000,000 เยน หรือเทียบเท่า 594,953,050 บาท เพราะมีความเห็นว่าบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องจำหน่ายที่ดินดังกล่าว เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาว ลดภาระดอกเบี้ยและลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา โดยที่ต้นทุนของการได้มาเมื่อกลางปี 2559 อยู่ที่ 1,558,890,434 เยน หรือเทียบเท่า 529,050,000 บาท …มีกำไรพอสมควร แม้ไม่มากนักเพียงแค่ประมาณ 65 ล้านบาทเศษ

2) ไม่อนุมัติการขยายระยะเวลาในการทำ Due Diligence ตามที่ PACE ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา เพื่อซื้อขายโครงการนิมิตหลังสวน (ทั้งโครงการ) และห้องชุดที่พักอาศัยในโครงการเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก (จำนวน 53 ห้องชุด) …ซึ่งมีคนเคยประเมินว่า มูลค่าของนิมิตหลังสวน ซึ่งมียอดขายไปแล้วราว 90% และห้องโครงการมหานครอีก 53 ห้อง ซึ่งหากแล้วเสร็จจะมีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท …ที่ยืดเวลาการทำมานานจนถึงกำหนดจะครบในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ แต่เมื่อครบกำหนด ทาง SIRI ได้แจ้งความประสงค์ขอขยายระยะเวลาออกไปอีก…เห็นว่าระยะเวลา “มีความเหมาะสม และเพียงพอแล้ว” จึงมีมติไม่เลื่อนและให้ SIRI แจ้งความประสงค์ที่จะซื้อพร้อมเสนอราคามายังบริษัทภายใน 3 วัน นับจากวันครบกำหนดดังกล่าว

มติทั้ง 2 เรื่องไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนที่ล่าช้าเลย

ข้อแรกเป็นข่าวดีเล็กน้อย เพราะการขายที่ดินได้เงินมาแก้สภาพคล่องแค่จิ๊บจ๊อย ไม่เพียงพอกับสถานการณ์ที่PACE มีส่วนของผู้ถือหุ้นเกือบติดลบอยู่แล้วเมื่อสิ้นงวดปี 2560 (ที่ยังไม่ประกาศ) ที่ยังมีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด

ส่วนข้อหลัง ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นข่าวร้ายแน่นอนเพราะเท่ากับว่า โอกาสที่จะจบดีลกับ SIRI ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ไม่งั้นคงไม่ขอเลื่อนไปเรื่อย….แม้ว่า SIRI จะเคยประกาศว่า ดีลนี้จบได้โดยไม่ต้องเพิ่มทุน…ซึ่งหาคนเชื่อถือแทบไม่ได้เลย

ปริศนาสำหรับ PACE คือ จากนี้ไปความหวังว่าจะกลับมามีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น  ช่วยลดความเสี่ยงจากฐานะเป็นลูกหนี้ด้อยคุณภาพของเจ้าหนี้ และเดินหน้าเติมฝันทางธุรกิจในอนาคต…ย่อมไม่ง่าย 

ความต้องการใช้เงินสดเพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ทั้งชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น และระยะยาวจากสถาบันการเงิน  เป็นส่วนหนึ่งในแผนใหญ่ของ PACE เพื่อ 1) ลดภาระหนี้และดอกเบี้ย 2) แผนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

การหาทางออกจากปัญหาหนี้ท่วม ด้วยการตัดขาดสินทรัพย์บางส่วนในมือ และการเพิ่มทุน ทำให้สามารถรับรู้รายได้ได้ทันที ช่วยให้บรรลุเป้าหมายสำคัญ แบบ…ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว อาทิ 1) เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมให้แก่สถาบันการเงิน 2) เพื่อการบริหารสภาพคล่องของบริษัท และ 3) เดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัทในอนาคต)…ยังไม่พอเพราะต้องการแผนสองคือการเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งจะช่วยให้อัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือเพียงประมาณ 1.5 เท่าในทันที ….ซึ่งทั้ง 2 แผน ยังมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย

โดยเฉพาะแผนเพิ่มทุนนั้น หากเป็นตามกติกาที่วางเอาไว้ …เสี่ยยิ่ง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ จะต้องไปหาเงินสดมาชำระค่าหุ้นใหม่อีกประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งกำลังมีการจับตาว่าเงินทุนจะมาจากไหน

ปลายปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัท PACE ได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนราว 13,024 ล้านหุ้น หรือกว่า 239% โดยมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนเดิม 3,758 ล้านหุ้น เป็นทุนใหม่ 16,782 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 1 : 2  ในราคาจองซื้อ 0.50 บาท  โดยจะขึ้น XR วันที่ 19 ธ.ค.  60 ชำระค่าหุ้น 9 -15 ม.ค.  61 และพวกแจกวอร์แรนต์ 2 ชุด ได้แก่ PACE-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 5 : 1 ฟรี อายุ 6 เดือน ใช้สิทธิ 1 : 1 ราคา 0.80 บาท และ PACE-W2 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 3 : 1 ฟรี อายุ 5 ปี ใช้สิทธิ 1 : 1 ราคา 2 บาท นอกจากนี้จะขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) 1,500 ล้านหุ้น อาจเสนอขายในราคาต่ำกว่าพาร์ เนื่องจากยังมีผลขาดทุน….และได้ขึ้นเครื่องหมาย XR (วันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน) ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา

การเพิ่มทุนดังกล่าวถูกขยายเวลา เลื่อนกำหนดการจองและใช้สิทธิออกไปถึง 4 ครั้ง ทำให้คนทั่วตลาดเกิดคำถามและจับตาไปที่ …เสี่ยยิ่ง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 สัดส่วน 36.22% กับนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 สัดส่วน 7.39% …ว่าจะสามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วนทั้งหมด หรือไม่

ถ้าได้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เรียบร้อยโรงเรียนมหานคร…แต่ถ้าไม่ (ไม่ทั้งหมด หรือไม่บางส่วน) ก็เป็นเรื่อง…เพราะเงินเพิ่มทุนของทั้ง 2 คนนี้ รวมๆแล้วน่าจะมากถึง 1,600 ล้านบาท ….ใครจะกล้าบอกว่าน้อยล่ะ

ข่าวดีน้อย ข่าวร้ายใหญ่ของ PACE วานนี้ จึงทำให้ การลุ้นเรื่องเพิ่มทุนภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่จะถึง…..มีความสำคัญอย่างยิ่ง

เรียกว่า ต้องลุ้นจน……เหนียวเลยล่ะ (เติมคำในช่องว่างกันเอาเองละกัน)

อิ อิ อิ

Back to top button