‘ใจเพชร’ จุดธูป

รัฐบาลใจเพชรสั่งติดโคมเต็งลั้ง หลังตำรวจถอยรถชนอ่างบัวแตกกระจาย แม้ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ก็สั่งซื้อโคมมาติดกะทันหัน ตรุษจีนปีก่อนๆ ไม่เห็นเคยทำ ซ้ำวันถัดมา ยังจุดธูป 36 ดอกหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จนสื่อตีข่าว “ลางร้าย”


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

รัฐบาลใจเพชรสั่งติดโคมเต็งลั้ง หลังตำรวจถอยรถชนอ่างบัวแตกกระจาย แม้ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ก็สั่งซื้อโคมมาติดกะทันหัน ตรุษจีนปีก่อนๆ ไม่เห็นเคยทำ ซ้ำวันถัดมา ยังจุดธูป 36 ดอกหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จนสื่อตีข่าว “ลางร้าย”

ไม่เชื่อดวงชะตาชาตินี้ชาติหน้าหรอกนะ แต่ความเชื่อนำมาวิเคราะห์ได้ เช่นคนกำลังวิตกกังวล จิ้งจกทักก็แทบหัวใจวาย ต้องแก้ชงแก้เคล็ดไปเรื่อย ให้ตัวเองสบายใจ ขณะที่สื่อไทยก็ชอบใช้โชคลางมาบ่งบอกสถานการณ์การเมือง

ยกตัวอย่าง แถวทำเนียบสภาคือถิ่นตัวเงินตัวทอง โผล่หน้ามาบ่อยไป ถ้ารัฐบาลเข้มแข็งก็ไม่เป็นข่าว แต่ถ้ารัฐบาลย่ำแย่ก็ “ลางร้าย” เพราะสื่อรู้แก่ใจ เสถียรภาพเป็นอย่างไร

ฉะนั้น ปรากฏการณ์รัฐบาลใจเพชรติดโคมจุดธูป แม้เป็นความเชื่อเหลวไหล แต่ทางวิทยาศาสตร์ก็สะท้อนภาพ “ขาลง” ทั้งนาฬิกาเพื่อน เลื่อนเลือกตั้ง และปัญหาปากท้อง ที่สะท้อนจากโพลล์ต่างๆ

ซึ่งไม่เกรงใจกันบ้างเลย คะแนนตกทั้งกรุงเทพโพลล์ ดุสิตโพลล์ ล่าสุดให้สอบตกทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ทุจริตคอร์รัปชัน ยังมีดีแค่รักษาความสงบ กับบัตรคนจน

ท่านนายกฯ อุตส่าห์ปลื้ม ประเทศไทยติดอันดับ 1 ดัชนีความทุกข์ยากต่ำที่สุดในโลก 4 ปีซ้อน อัตราเงินเฟ้อต่ำ อัตราว่างงานต่ำ เทียบเท่าสิงคโปร์ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน เชียวนะนั่น ทำไมคนไทยไม่ปลื้มบ้าง (กลับเอาไปล้อกันสนุกสนาน)

รัฐบาลชอบจัง เรื่องอวดดัชนีต่างๆ ดัชนีเปิดเผยงบประมาณดีขึ้น 28 อันดับ ดัชนีน่าลงทุนกระโดดขึ้นอันดับ 26 ทีเวลาดัชนีเสรีภาพตกต่ำ เสรีภาพสื่อ เสรีภาพเลือกตั้ง ไม่อยากให้เป็นข่าว แต่เอาเถอะ นั่นยังไม่สำคัญเท่าดัชนีต่างๆ ไม่ยักทำให้ชาวบ้านปากท้องดีขึ้น

ประเด็นที่น่าติดตามต่อไปคือ “ขาลง” ทางการเมืองจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางเศรษฐกิจหรือไม่ เข้าใจตรงกันนะ นักการตลาดอย่างสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากตีปี๊บขายข่าวดี ภาพดี ทำให้คนเชื่อว่าอนาคตจะดี บนฐานความเชื่อมั่นว่าอำนาจ คสช.จะยั่งยืนมั่นคง อย่างน้อยก็หลังเลือกตั้งอีก 5 ปี แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คนรู้สึกว่าอนาคตไม่มั่นคง ก็อาจส่งผลเป็นโดมิโน

การที่มีคนกล้าท้าทายอำนาจ คสช. เท่ากับเจาะทะลวงตรงนี้ แม้ดูเหมือนหัวหอกผู้กล้าหาญ อย่างกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย คนอยากเลือกตั้ง จะมีจำนวนไม่มาก ถูกปรามาสว่าหน้าเดิมๆ แต่ก็กระตุ้นให้เกิดความกล้าท้าทายอย่างหลากหลาย หลากขั้วหลากฝ่าย ไม่ใช่แค่พรรคการเมือง แต่รวมไปถึงสื่อ ภาคประชาสังคม หรือคนทำโพลล์ตอบโพลล์

ขณะที่เกิดม็อบอยากเลือกตั้ง ซึ่งโดนข้อหาเต็มไปหมด ม็อบต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินก็อดอาหาร We Walk เดินจากกรุงเทพฯ ถึงขอนแก่น โดยศาลปกครองสั่งคุ้มครอง ขณะเดียวกันก็มีคน 80,018 คน กล้าลงชื่อจริงนามสกุลจริงเรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลาออก นี่เป็นคนละกลุ่มคนละภาคส่วนแม้อาจมีบางคนซ้อนกัน

ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ได้สะท้อนว่า จะมีใครโค่น คสช.ได้ แต่มันสะท้อนว่าการไปสู่เลือกตั้ง การเคลื่อนย้ายอำนาจไปอยู่ในระบอบรัฐธรรมนูญ 2560 โดยไม่มี ม.44 จะเป็นไปโดยลำบากยากเข็ญยิ่ง และจะมีแรงต้านอย่างหนักหน่วง

ภาพสะท้อนนี้เอง ที่ทำให้ คสช.และกลุ่มคนชั้นนำด้วยกัน ซึ่งยังไม่เชื่อมั่นว่าจะเปลี่ยนผ่านไปสู่เลือกตั้งได้ ก็จะยิ่งปั่นป่วนเรรวน ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร

Back to top button